วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ดวงจันทร์ผู้ไกลบ้าน


ดวงจันทร์ผู้ไกลบ้าน


Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
“ดวงจันทร์” หรือ “จันทร์” หญิงสาวร่างเล็ก ผิวคล้ำ ผมยาวหยักศก ผู้มีจุดเด่นตรงดวงตาสุกใสที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอันสว่างสไว  แม้จันทร์ยังไม่เอ่ยปากเล่าความเป็นมาหรือเป็นไปของเธอแต่ด้วยขนาดของหน้าท้องที่นูนเด่นออกมาก็ไม่ยากเลยที่จะทำให้เรารู้ว่าในท้องของจันทร์กำลังมีชีวิตใหม่ที่ก่อกำเนิดขึ้นมาและอีกไม่นานก็จะได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้    
          

จันทร์ คือ หญิงสาวชาวกัมพูชา ที่มีอายุล่วงเข้าสู่วัยเบญจเพศ และเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่จันทร์ได้มาใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองจนทำให้จันทร์สามารถฟังและพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

จันทร์เล่าถึงครอบครัวของเธอที่กัมพูชา ว่า เธอเป็นลูกคนโตในจำนวนบรรดาพี่น้องทั้งหมดสี่คน จันทร์เรียนจบชั้น5 ซึ่งหากเทียบกับระบบการศึกษาของไทยก็ไม่ทราบได้ว่าจันทร์เรียนจบในระดับใด  พ่อของจันทร์เป็นทหารชาวกัมพูชา ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ส่วนแม่เป็นชาวเวียดนาม หลังจากพ่อเสียชีวิตแม่ไม่ได้แต่งงานใหม่ และไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แม่มีรายได้เลี้ยงชีพด้วยเงินเดือนทหารของพ่อ  

ก่อนหน้าที่จันทร์จะมาประเทศไทย เธอมักจะได้ฟัง เพื่อนๆและคนในหมู่บ้านที่เขาเดินทางมาทำงานรับจ้างที่ประเทศไทยแล้วกลับไปเยี่ยมบ้าน เล่าให้ฟังว่า มาทำงานที่ประเทศไทยมีงานให้ทำเยอะและได้เงินดี ได้ฟังแล้วจันทร์ก็อยากจะมาลองทำงานดูบ้าง  เมื่อจันทร์อายุได้ 22 ปี เธอจึงตัดสินใจตามเพื่อนๆ มาทำงานที่ประเทศไทย โดยผ่านเข้ามาทางด่านปอยเปต เธอบอกว่าตอนเข้ามาก็ไม่ได้ทำเอกสารอะไรเลย ก็เข้ามาแบบผ่านมาเฉยๆ

งานแรกในประเทศไทยของจันทร์ คือการรับจ้างเป็นแม่บ้าน ทำงานบ้านทุกอย่างให้กับ นายจ้างที่อยู่แถวลาดพร้าว นายจ้างให้ค่าตอบแทนแลกกับค่าเหนื่อยของเธอ 250 บาท ต่อวัน ช่วงแรกๆ จันทร์ยังต้องปรับตัวทั้งเรื่องคิดถึงบ้านที่ทำให้จันทร์ต้องร้องไห้แทบทุกวันเพราะเธอไม่เคยจากบ้านไปไหนมาก่อนเลยในชีวิต  และยังเรื่องภาษาที่จันทร์ฟังนายจ้างไม่รู้เรื่องทำให้นายจ้างหงุดหงิด ผ่านไปประมาณครึ่งปี จันทร์พอจะปรับตัวได้อาการคิดถึงบ้านพอจะทุเลาลง แต่ก็ยังฟังคำสั่งนายจ้างรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แม้นายจ้างจะอดทนและใจดีกับเธอ แต่การที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องก็ทำให้นายจ้างหัวเสียอยู่บ่อยๆ จนต้องไปรับลูกจ้างอีกคนซึ่งเป็นหญิงชาวกัมพูชาเช่นกันมาทำงาน แต่ว่าลูกจ้างคนใหม่เขาฟังและพูดภาษาไทยได้ดีกว่าจันทร์มาก ทำให้นายจ้างพอใจลูกจ้างคนใหม่มากกว่าจันทร์ แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุให้จันทร์ทะเลาะกับนายจ้างและลูกจ้างคนใหม่ ซึ่งลูกจ้างคนใหม่รีดผ้าของนายจ้างเสีย แต่ว่าเขามาโยนความผิดให้กับจันทร์ จันทร์ไม่ได้เป็นคนทำแต่ก็เถียงและแก้ตัวสู้เขาไม่ได้เพราะภาษาไทยของจันทร์ไม่แข็งแรง จันทร์จึงถูกนายจ้างต่อว่าอยู่คนเดียว จันทร์เสียใจและน้อยใจมาก เธอจึงขอลาออกจากงาน   หลังจากต้องออกจากบ้านนายจ้างจันทร์ได้ออกไปทำงานรับจ้างก่อสร้างกับเพื่อน โดยเธอพักที่แคมป์คนงาน ไม่ว่าแคมป์คนงานย้ายไปที่ไหนเธอก็ย้ายไปด้วย งานที่จันทร์ทำไม่ใช่งานแบกหาม เธอบอกว่าเธอมีหน้าที่ มัดเหล็ก นายจ้างจะให้ค่าแรง 250 บาท ต่อวัน  และภายหลังก็ขึ้นเงินให้เป็น 300 บาทต่อวัน  สภาพที่พักในแคมป์คนงานก็ไม่ได้สุขสบายนัก ที่พักล้อมและมุงด้วยสังกะสี อากาศก็ร้อนแสนร้อน แต่เธอและคนงานอื่นๆก็ต้องอดทน 

ทำงานได้ประมาณหนึ่งปี จันทร์ก็ได้พบรักกับ “นายฌุน” ชายหนุ่มชาวกัมพูชา วัย 26 ปี ซึ่งทำงานรับจ้างก่อสร้างเช่นเดียวกัน  ระหว่างที่คบหากันจันทร์ว่า เขาก็ดูเป็นคนดี แต่พอตกลงมีอะไรกันและอยู่ด้วยกันเขาก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เมื่อในกลางดึกคืนหนึ่งจันทร์ก็ตื่นมาพบว่าสามีของตนกำลังเสพยาบ้าอยู่กับเพื่อนๆ  จันทร์บอกให้เขาเลิกเสพยา แต่เขาก็เลิกไม่ได้ เพื่อนเขาไปรับยามาขายต่อให้เขาสูบอยู่เรื่อยๆ จันทร์โกรธมากเธอจึงไล่ให้นายฌุนกลับประเทศ แต่เขาก็ไม่ไปสักที  แม้จันทร์จะเบื่อและอยากเลิกกับนายฌุนแต่ด้วยการที่ทำงานอยู่ที่เดียวกันการแยกทางกันก็ไม่ได้ง่ายนัก ดังนั้นการไม่พลาดท้องจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของจันทร์ จันทร์บอกว่า

“หนูกินยาคุมตลอด ยาคุมที่เป็นแผงๆ 28 เม็ด กินไม่เคยขาดไม่รู้ว่าท้องได้ไง พอประจำเดือนไม่มาหายไปตั้งเดือน ก็เลยบอกกับแฟน เขาก็บอกให้ไปซื้อที่ตรวจมาตรวจก็ ผลก็มีลูก มันขึ้น 2 ขีด หนูจะเอาออกเพราะหนูไม่อยากมี ไม่พร้อม แต่แฟนเขาดีใจเขาไม่ให้เอาออก ก็เลยท้องต่อ”

พอท้องโตขึ้นทำงานก็ไม่ได้ แฟนก็ยังเสพยาไม่เลิก จันทร์และนายฌุนก็มีปากเสียงทะเลาะกันเรื่อยๆ จนล่าสุด จันทร์จึงไล่เขากลับกัมพูชา ซึ่งนายฌุน ก็กลับกัมพูชาไปจริงๆโดยทอดทิ้งเธอที่ท้องโตไว้ที่ไซด์งานต่างจังหวัด จันทร์เล่าให้ฟังอย่างน้อยอกน้อยใจในตัวนายฌุนว่า

“ตอนที่ยังไม่ท้องไล่เขาเท่าไหร่เขาก็ไม่ไป พอท้องโตแล้วไล่ครั้งเดียวก็กลับไปเลย”

เมื่อนายฌุนทอดทิ้งกลับกัมพูชาไปแล้ว จันทร์ซึ่งท้องก็ใหญ่ ทำงานอะไรก็ไม่ได้ จึงโทรหาเพื่อน ให้เพื่อนมารับที่หมอชิต พอเจอกับเพื่อนเขาก็เอากระเป๋าของจันทร์ไปถือซึ่งในกระเป๋ามีเงินก้อนสุดท้ายที่ติดตัวจันทร์อยู่จำนวน3,000บาท เพื่อนบอกให้จันทร์นั่งรอ แล้วเพื่อนก็หายตัวไปและติดต่อไม่ได้อีกเลย จันทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเดินไปหาแท็กซี่ คนขับรถแท็กซี่จึงช่วยเหลือด้วยการโทรไปปรึกษา จส.100 ทางนั้นจึงได้แนะนำและส่งให้จันทร์มาขอรับความช่วยเหลือที่บ้านพักฉุกเฉิน ด้วยปัญหาไม่มีที่พักอาศัยระหว่างที่ตั้งครรภ์

จันทร์บอกว่า ได้ข่าวว่านายฌุนกลับมาประเทศไทยอีก เพราะเขาและพี่สาวของเขาพยายามโทรติดต่อกับจันทร์อยากจะให้จันทร์กลับไปคืนดีกัน แต่จันทร์ไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ซึ่งหลังจากคลอดลูก จันทร์วางแผนไว้ว่า

หนูจะอุ้มลูกกลับบ้าน หนูไม่อยากกลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีกแล้ว และหนูก็จะไม่กลับไปคืนดีกับเขา ทุกวันนี้เขากับพี่สาวของเขาก็โทรมาหาตลอดเขาอยากรับผิดชอบ อยากมาหา เขาถามว่าอยู่ที่ไหน แต่หนูก็บอกว่าหนูอยู่ใกล้ๆเขมรนั่นแหล่ะ เขาก็ร้องไห้บอกสงสารลูก แต่หนูบอกว่าลูกของหนูๆ เลี้ยงเองได้ แต่ถ้าเขาจะขอมาเป็นแค่พ่อของลูกหนูก็ไม่ว่าอะไร ตอนนี้ก็ขอแค่ให้คลอดลูกเร็วๆ จะได้กลับบ้าน หนูคิดถึงบ้าน

ปัจจุบันจันทร์ท้องได้ 8 เดือนกว่าแล้ว บ้านพักฉุกเฉินได้ช่วยเหลือคุ้มครองจันทร์ให้ได้มีที่พักอาศัย ระหว่างรอคลอดและได้ส่งจันทร์ไปรับการตรวจและฝากครรภ์ที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ทั้งยังได้ประสานกับหน่วยงานอื่นและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือในเรื่องการส่งตัวจันทร์และลูกกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยต่อไป
.............................................................................................................

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว  ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่  สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ  บ้านพักฉุกเฉิน  501/1ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม.E-mail:admin@apsw-thailand.org 
ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และหาทุน สมาคมฯ โทร.0 2929 2301-7 ต่อ 109,113 E-mail:donate@apsw-thailand.org หรือสามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ สมาคม www.apsw-thailand.org

เรื่อง โดย ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน
ผู้เขียน/ตรวจอักษร/ถ่ายภาพ/สัมภาษณ์:จิตรา นวลละออง

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หลุมพรางออนไลน์



...หลุมพรางออนไลน์...
Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ



โลกอินเตอร์เน็ต หรือ โซเชียล เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีประโยชน์มากมาย มันช่วยเชื่อมเรื่องราวของทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน ทุกวันนี้คนจากทุกมุมโลกสามารถสื่อสาร เห็นหน้าค่าตากันได้โดยผ่านแอปพลิเคชันหลากหลายชนิด และในทางกลับกันเมื่อ มีคุณอนันต์ ก็ย่อม มีโทษมหันต์ หากมีผู้ใช้ที่มีเจตนาชั่วร้ายใช้มันเพื่อล่อลวงเหยื่อที่ยังเป็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลก ดังเช่น...“น้องหนู”... สาวน้อยตัวเล็ก วัยเพียง 14 ปี ด้วยวัยของน้องหนูนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่น่าจะร่าเริงสดใส วิ่งเล่นกับเพื่อนๆอยู่ในโรงเรียน แต่น้องหนูคงทำเช่นนั้นไม่ได้ไปอีกเกือบปี เพราะน้องหนูประสบภัยจากโลกโซเชียล เธอถูกชายหนุ่มใจชั่วล่อลวงไปข่มชืน จนท้อง น้องหนูจึงต้องเข้ามาอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน ด้วยปัญหา ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 4 เดือน

เด็กสาวที่ควรจะสดใส กลับมีใบหน้าหมองเศร้า ขณะเล่าเรื่องราวบางส่วนในชีวิตให้ฟังว่า

“หนูท้อง เพราะความผิดพลาด กับนายเจตน์ เขาอายุ 23 ปีแล้ว หนูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย เพราะเราแค่รู้จักกันทางเฟสบุ๊ค เขาทักแชทมาหนูก็ตอบไปธรรมดาแค่คุยกันเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาก็มักจะชวนว่า...ออกมาเจอกันหน่อย...เขาก็ชวนออกไปเจอกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ออกไปตามคำชวนเขาสักที ”
แต่ด้วยความเป็นเด็กที่ผ่านโลกอันโหดร้ายมาเพียงน้อยนิด ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อคุยกันผ่านเฟสบุ๊คและถูกนายเจตน์ ชักชวนบ่อยครั้งเข้า น้องหนูจึงกลายเป็นแมงเม่าที่บินเข้าหากองไฟอย่างง่ายดาย 
 “เขานัดให้ไปพบกันที่หน้าห้างบิ๊กซี หนูก็ไปคนเดียว ไม่คิดอะไรเพราะว่าที่ห้างก็คนเยอะแยะ ตอนเจอกันก็ไม่ได้ประทับใจอะไร เขาก็หน้าตาไม่ค่อยดี แต่ตัวใหญ่กว่าหนูมาก คุยกันที่บิ๊กซีไม่นานเขาก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวและค่อยไปส่งบ้าน...แต่เขาไม่ได้พาไปอย่างที่บอกกลับพาหนูไปที่ๆแห่งหนึ่ง คงเป็นโรงแรมมั้ง?...หนูก็ไม่รู้  แล้วเขาก็ใช้กำลังบังคับข่มขืนหนูที่นั่น หนูสู้เขาไม่ได้เลยเพราะเขาตัวใหญ่กว่าหนูมาก หลังจากเขาทำหนูแล้วก็พามาส่งที่เดิม...มันเป็นความผิดพลาดของหนู..หนูไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลย...เฟสบุ๊คหนูก็ไม่ติดต่อกับเขาอีก...หนูไม่คิดว่าหนูจะท้อง”
 หลังเกิดเหตุร้ายที่เข้ามาในชีวิต น้องหนูพยายามที่จะคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้าย เธอไม่ติดต่อกับนายเจตน์อีกเลย เธอพยายามที่จะลืมและดำเนินชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นของเธอต่อไป แต่ฝันร้ายของน้องหนูก็ยังตามมาหลอกหลอนเธออย่างต่อเนื่อง เพราะชายใจชั่วอย่างนายเจตน์ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ประจำเดือนของน้องหนูขาดหายไปหลายเดือน หน้าท้องของเธอก็เริ่มนูนขึ้น ด้วยเธอเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างผอมบางเมื่อพุงออก รุ่นพี่ข้างบ้านเริ่มผิดสังเกตุ และนำเรื่องมาบอกกับยายของน้องหนู ยายจึงได้พาน้องหนูไปหาหมอและผลตรวจก็ออกมาว่าน้องหนูท้อง แล้วน้องหนูจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ยายฟัง เมื่อยายรับรู้เรื่องราวทั้งหมด จึงได้ไปปรึกษาปัญหากับอาจารย์ประจำชั้นของเธอ อาจารย์ได้ช่วยเหลือเรื่องการพักการเรียนชั่วคราวให้กับน้องหนู และยังติดต่อบ้านพักฉุกเฉิน เพื่อส่งน้องหนูมาพักชั่วคราวระหว่างรอคลอด
สำหรับสภาพจิตใจของน้องหนูนั้น เราพบว่า เธอมีความเครียดและวิตกกังวลค่อนข้างสูง ด้วยทุกครั้งที่เธอคิดถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเองเธอก็ยังคงโทษตนเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง ที่ไปหลงเชื่อและไว้ใจคนอื่นมากเกินไป จนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะของตนเองเท่านั้นยังส่งผลมาเป็นปัญหาใหญ่ให้กับยายผู้ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กแต่น้อย
 “หนูไม่มีพ่อไม่มีแม่ หนูอยู่กับยายและก็ตามาโดยตลอด หนูเรียกยายว่าแม่ เขาต้องทำงานเลี้ยงดูและส่งเสียให้หนูเรียนหนังสือ และยังต้องดูแลตาที่ป่วยเป็นโรคไตและโรคอัมพฤกษ์ ตอนนี้ยายก็ตกงาน หนูก็มามีปัญหาอีก หนูสงสารยาย เท่านี้ยายก็มีภาระมากพอแล้ว หนูก็มาสร้างเรื่องให้ยายอีก ถึงยายจะไม่ได้ว่าอะไรหนูแต่หนูก็รู้ว่ายายผิดหวังและเสียใจ”
ทุกวันนี้น้องหนูใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเล็กๆ ที่เรียกว่า “บ้านพักฉุกเฉิน” ที่ให้การดูแลเธอ ทั้งเรื่องการไปตรวจท้องและฝากท้อง และแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับชายชั่วที่ชอบล่อลวงเด็กสาวทางเฟสบุ๊ค เธอบอกว่า หลังคลอดลูก แล้วเธอจะเรียนต่อ จะไม่ทำให้ยายผิดหวัง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องหนูนั้นถึงจะเป็นเรื่องเศร้าเป็นรอยด่างในชีวิตของเธอ แต่เธอก็ยังยินดีแบ่งปันกับเราเพื่อที่จะแบ่งปันไปยัง เด็กวัยรุ่น หรือผู้หญิงคนอื่นๆ ให้ระวังภัยที่แฝงมาทางโลกออนไลน์ โลกโซเชียลที่หลายๆคนอาจหลงไหล สำหรับตัวน้องหนูนั้นเรื่องนี้คือ “ผิดเป็นครูสำหรับเธอ” แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ น้องหนูก็ไม่อยาก และไม่ต้องการให้ได้ครูที่แลกมาด้วยฝันร้ายอย่างเธอ
.......................................................................................................................................

หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว  ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่  สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ  บ้านพักฉุกเฉิน  501/1ซ.เดชะตุงคะ 1  ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม.
 E-mail:admin@apsw-thailand.org หรือ เฟสบุ๊คFacebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน ดอนเมือง (https://www.facebook.com/apswthailand.org) และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และหาทุน สมาคมฯ โทร.0 2929 2301-7 ต่อ 109,113                      E-mail:donate@apsw-thailand.org หรือสามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org

     เรื่อง  ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน ผู้เขียน จิตรา นวลละออง 

ชีวิตใหม่

  ชีวิตใหม่ Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เรื่อง : ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน , ผู้เขียน : จิตรา นวลละออง...