วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ต่อยให้รับว่า...เธอมีชู้

ต่อยให้รับว่า...เธอมีชู้

Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ


ภาพผู้หญิงอุ้มท้อง สะพายกระเป๋าพะรุงพะรัง มือของเธอก็จะเกาะเกี่ยวกับลูกน้อยที่เดินตามแม่มาต้อยๆพร้อมทั้งพูดคุยตั้งคำถามกับผู้เป็นแม่อย่างเจื้อยแจ้ว...ทั้งสองมุ่งหน้ามาสู่ที่พักพิงหลังใหม่คือบ้านพักฉุกเฉิน...ภาพที่เห็นไม่ใช่ภาพแปลกใหม่สำหรับคนทำงานที่นี่ แต่ก็ไม่อาจชาชินกับภาพที่สะท้อนปัญหาชีวิตของผู้หญิงและเด็กในสังคมไทย...
ผู้หญิงท้องคนดังกล่าวที่จับจูงลูกสาววัย 3 ขวบ เดินเข้ามาที่บ้านพักฉุกเฉินในวันนั้น เธอมีชื่อว่า “มาลัย” เธอมีอายุอยู่ในช่วง วัย 30 ต้นๆ...ภาพแรกที่เราพบเห็น มาลัย ในระยะใกล้ ด้วยหลักฐานที่อยู่เต็มใบหน้าและร่างกายของมาลัยก็ฟ้องในตัวปัญหาของมาลัยได้ดีอย่างทันทีเลยว่า มาลัยต้องถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างแน่นอน...รอบดวงตาของมาลัยเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำจนคล้ำ ดวงตาแดงก่ำ เพราะเส้นเลือดฝอยในตาแตก ตามหลังไหล่แขนก็มีร่องรอยเขียวช้ำเช่นเดียวกัน....เราตั้งสมมติฐานแรกด้วยประสบการณ์ของคนทำงานบ้านพักฉุกเฉิน ร้อยละ 80 ถ้าผู้หญิงท้องถูกคนทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำก็มักจะเป็นสามี ดังนั้นยังไม่ได้เอ่ยปากถามกับมาลัยแต่ในใจก็คิดแล้วว่า “มาลัยต้องโดนสามีซ้อมมาแน่ๆ” ซึ่งก็ไม่ผิดจากการคาดการณ์เลย เพราะเมื่อพูดคุยกัน มาลัยก็เล่าให้ฟังว่า
 “หนูท้องได้ 6 เดือน เขาก็เริ่มทำร้ายหนูอยู่ตลอด เพราะเขาหาว่าหนูมีชู้...ที่เขาต่อยจนเป็นแบบนี้คือเขาต่อย...ต่อย และต่อย...เพื่อให้หนูยอมรับว่าหนูมีชู้...แต่หนูไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ก็เลยไม่ยอมรับ เขาก็ต่อยไม่หยุด หนูก็ได้แต่ปัดป้อง เพราะกลัว และก็สู้เขาไม่ได้ ลูกก็เข้ามาห้ามและคงโดนลูกหลงเข้าไปด้วยพอลูกร้องว่า พ่อโดนหนู...หนูเจ็บ เขาก็เลยหยุด”
มาลัย เล่าว่า เธอแต่งงาน โดยจดทะเบียนสมรส กับนาย “สามารถ” ซึ่งมีอายุมากกว่าเธอเป็นสิบปี เขามีอาชีพ รับจ้างทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง มาลัยใช้ชีวิตคู่กับนายสามารถมาได้กว่าสิบปีแล้ว ภูมิหลังของนาย สามารถนั้น เขาเป็นคนอีสาน เคยมีครอบครัวและมีลูกติด 1 คน ก่อนที่จะมาสร้างครอบครัวกับมาลัย ส่วนมาลัยนั้นก่อนที่จะมาพบกับนายสามารถ เธอก็เป็นสาวชาวใต้ ที่ยังไม่เคยแต่งงานหรืออยู่กินกับใครมาก่อน ครอบครัวของมาลัยนั้น มีเพียงลุงกับลูกๆของลุงเป็นญาติสนิท เพราะพ่อแม่ของมาลัยได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ช่วงวัยเด็กที่ไม่มีคนดูแลมาลัยยังเคยเข้าอยู่สถานสงเคราะห์ที่ดูแลเด็กกำพร้าจนกระทั่งเรียนจบปวช. แล้วจึงออกมาทำงานและพักอาสัยอยู่กับลุง มาลัยได้พบกับนายสามารถ เพราะว่านายสามารถเป็นเพื่อนกับลูกของลุง ซึ่งเขาก็บอกกันว่า นายสามารถเป็นคนดีขยันทำมาหากิน มาลัยจึงตกลงคบหาเป็นแฟน ต่อมาจึงตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับเขา             ชีวิตครอบครัวของมาลัยก็มีความสุขดี นายสามารถก็ขยันทำมาหากินและรับผิดชอบครอบครัวดี ช่วงที่ยังไม่ท้องลูกคนแรก มาลัยก็ทำงานรับจ้างที่บริษัทเดียวกันกับสามี พอท้องใกล้คลอดก็ลาออกจากงาน แต่แล้ววันหนึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งแรกก็เกิดขึ้นกับจิตใจของมาลัย เพราะมีผู้หญิงโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของนายสามารถ...มาลัยบอกว่า
“เมียเก่าของเขาโทรมา แล้วบอกว่า ...นี่เมียของสามารถนะอยากจะคุยกับสามารถเรียกเขามารับโทรศัพท์หน่อยซิ...หนูก็ตกใจอึ้งพูดอะไรไม่ออกก็เลยไปเรียกพี่เขามารับโทรศัพท์ พี่เขาก็ตกใจแต่ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่อื่น”
หลังจากนายสามารถคุยโทรศัพท์กับเมียของเขาแล้ว มาลัยก็ขอเคลียร์ แต่สนายสามารถ ก็บอกกับมาลัยอย่างหน้าตาเฉยว่า “ก็ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่กันไปแบบนี้แหล่ะ” มาลัยฟังแล้วก็รู้ว่า นายสามารถนี่เห็นแก่ตัวชัดๆ ถ้ารู้ความจริงก่อนที่จะจดทะเบียนสมรส ก่อนที่จะท้อง เธอจะเลิกกับเขาแน่นอน แต่มารู้เอาป่านนี้แล้ว มีลูกกับเขาแล้ว ถ้าเลิกกันลูกก็ต้องไม่มีพ่อ มาลัยจึงอดทนและทำใจกับเรื่องนี้...เธอพยายามทำอย่างที่นายสามารถบอกว่า...”อยู่กันไปอย่างนี้แหล่ะ”...แม้เหมือนมาลัยจะทำใจได้แต่ก็เหมือนมีคลื่นใต้น้ำซุกซ่อนอยู่ตลอดเวลา ชีวิตคู่ของเธอกับนายสามารถก็เริ่มระหองระแหงมีปากเสียงกันมากกว่าแต่ก่อน           จนกระทั่งมาลัยคลอดลูกและเลี้ยงลูกด้วยตนเองจนลูกสาวอายุ 2 ขวบ มาลัยจึงจ้างคนเลี้ยงลูก และเธอกลับไปทำงานรับจ้างบริษัทดียวกันกับที่นายสามารถทำอยู่เช่นกัน
ความรุนแรงในครอบครัวก็เริ่มขึ้นนับจากนี้ เพราะหน้าที่การงานของมาลัยนั้นอยู่ในตำแหน่งที่มีลูกน้องเป็นผู้ชายและการทำงานก็ต้องมีติดต่อประสานงานกับผู้ชายบ้าง แต่นายสามารถไม่เข้าใจกลับหึงหวงมาลัยมากขึ้นๆทุกวัน...การกล่าวหา ด่าทอต่อว่า...ว่ามาลัยจะนอกใจก็มีมากขึ้นทั้งที่นายสามารถก็ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ หรือเสพสารเสพติด แต่ก็ขี้หึงมาก โดยเขามักจะพูดอยู่บ่อยๆว่า “กูมันแก่แล้วก็คงอยู่ไม่นาน...ก็คงอยากได้กับไอ้หนุ่มๆพวกนั้น”
ระดับความรุนแรงของปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัวของมาลัยเริ่มเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนายสามารถมีงานที่ต้องออกต่างจังหวัดบ่อยๆระดับความหึงหวงก็พุ่งสูงมากขึ้น จากมีปากเสียง เป็นใช้กำลัง ตบดี อยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งมาลัยไม่กล้าสู้เขาเลย จนแม้กระทั่งมาลัยตั้งท้องลูกคนที่อยู่ในท้อง ได้ 6 เดือน นายสามารถก็ยังตบตีมาบลัย ด้วยเรื่องเดิมๆ หึงหวงหาว่าจะไปมีชู้ จนครั้งสุดท้ายที่รุนแรงที่สุด นายสามารถกล่าวหาว่ามาลัยขับรถออกไปหาชู้ เขาก็ลงมือต่อยให้มาลัยรับว่ามีชู้ ซ้ำยังกล่าวหาว่า ลูกในท้องไม่ใช่ของตน เพื่อนบ้านที่ได้ยินว่าครอบครัวมาลัยทะเลาะตบตีกันก็ไม่มีใครมาช่วยเหลือเลย ถ้าลูกสาวไม่เข้ามาห้ามไว้ก็ไม่ทราบว่ามาลัยจะโดนนายสามารถทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้หรือไม่...หลังจากเกิดเหตุ มาลัยจึงไปปรึกษากับหัวหน้างานของตน เขาจึงได้ค้นหาสถานที่ช่วยเหลือในอินเตอร์เน็ต และพบสถานที่ช่วยเหลือผู้หญิง นั่นก็คือบ้านพักฉุกเฉิน มาลัยจึงรีบพาลูกสาวเข้ามาอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน มาลัยบอกกับเราด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอว่า...“หนูไม่ได้กินยาคุม ไม่ได้ใช้ถุงยาง เพื่อป้องกันการท้องเลย เพราะทีแรกลูกคนนี้ก็เกิดจากความพร้อม...หนูก็ไม่รู้ตัวว่าหนูจะกลายมาเป็นท้องไม่พร้อม”
ตอนนี้มาลัยท้องได้ 7 เดือนกว่าแล้ว ส่วนลูกสาวอายุ 3 ขวบ ก็เป็นเด็กฉลาดช่างคุยเข้าใจเหตุผลของแม่ดี มีถามถึงพ่อบ้าง  มาลัยจึงให้ลูกคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขา...นายสามารถยังคงสถานะความเป็นพ่อของลูก...แต่สำหรับเมาลัย...การเป็นสามีภรรยากับนายสามารถได้จบลงแล้ว ระหว่างที่ชีวิตประสบกับปัญหาคลื่นลูกใหญ่ถาโถม...มาลัยพักรอคลอดอยู่บ้านพักฉุกเฉินเธอใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเรียนปักผ้าด้วยมือเธอบอกว่า...รู้สึกดีและหายเครียด...เมื่อคลอดลูกแล้วเธอวางแผนว่าจะเลี้ยงและให้นมลูกด้วยตนเองสักระยะแล้วเธอจะฝากเลี้ยงลูกเพื่อออกไปทำงานภายนอก 
.......................................................................................................................................
หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org  Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org

เรื่อง โดย ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน
ผู้เขียน:จิตรา นวลละออง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ชีวิตใหม่

  ชีวิตใหม่ Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เรื่อง : ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน , ผู้เขียน : จิตรา นวลละออง...