วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

บาดแผลที่มองไม่เห็น

บาดแผลที่มองไม่เห็น

 จินลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในรถตู้ และกำลังถูกพาไปยังจังหวัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นประตูสู่ภาคอีสานของไทย ในช่วงแรกของการออกเดินทางภาพที่ปรากฎให้เห็นช่างเป็นภาพเดิมๆ ที่บ่งบอกถึงความเจริญของเมืองกรุง... ท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยเจ้ากระป๋องวิ่งได้... ผู้คนดูเร่งรีบกับการเริ่มต้นของเช้าวันใหม่... จนกระทั่งยานพาหนะได้พาเราฝ่าความวุ่นวายเหล่านั้นออกมา... ขณะนี้สิ่งที่เห็นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวเป็นแนวยาว ต้นไม้สองข้างทางที่ผลัดเปลี่ยนกันมาอยู่ในจอประสาทตาของจินราวกับการฉายภาพสไลด์ ผ่านโรงงานปูนซิเมนต์ ผ่านวัดวาอาราม เบื้องหน้าเป็นรถไถนาที่ขับช้าๆ เลียบริมไหล่ทางอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ด้านขวามือมีป้ายชี้ว่า ปักธงชัย บ่งบอกว่าใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว

          จินละความสนใจจากสิ่งภายนอกต่างๆ กลับมาสำรวจเพื่อนร่วมทางภายในรถ ด้านขวามือ... น้องคนขับรถที่ไม่สนใจอะไรนอกจากพวงมาลัยและถนนเบื้องหน้า ด้านหลังในที่นั่งแถวแรกเป็นสาวใหญ่วัยกลางคน แต่งกายภูมิฐาน ผมหยักศกสีดำสนิทถูกรวบไว้ด้านหลัง เธอกำลังหลับใหลอย่างคอพับคออ่อน ศีรษะส่ายงึกงักไปมา แต่ไม่ได้ยินเสียงกรน เธอคือหัวหน้าของจิน ถัดไปอีกแถวเป็นหญิงไทยวัยสาวสะพรั่งคนหนึ่งที่จินคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างดี เธอมีรูปร่างสมบูรณ์สมวัยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะมาหมาดๆ ผิวของเธอค่อนข้างคล้ำแต่ก็สะอาดสะอ้านเหมือนได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากเจ้าของ ผมยาวดกดำถูกถักเป็นเปียสองข้างไว้อย่างเป็นระเบียบ มีลูกผมระตามหน้าผากและสองข้างแก้มเล็กน้อย ศีรษะเธอเอนพิงซบไปกับเบาะด้านหลัง ริมฝีบากบางที่เคยพูดจ้อเจื้อยแจ้ว เผยอยิ้มน้อยๆ ดวงตาที่ส่องประกายราวเม็ดนิลในยามตื่นซึ่งแฝงไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามวัยบัดนี้ปิดสนิท มีเพียงเสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

        พลันภาพซ้อนของวันวานเมื่อหลายปีที่แล้ว ที่จินได้พบกับเธอผู้นี้เป็นครั้งแรกก็ปรากฏทับซ้อนขึ้นมา

         เช้าในวันนั้นจินกำลังรอรถเมล์เพื่อไปทำงานตามปกติ เครื่องมือสื่อสารรูปร่างสี่เหลี่ยมอันเล็ก ที่ซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ทั้งสั่นทั้งดังเรียกร้องทำให้จินต้องละความสนใจจากรถราเบื้องหน้า และล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อช่วยให้มันได้ออกมาสู่โลกภายนอก ก่อนที่จะดิ้นตายไปเสียก่อน ตัวอักษรที่ขึ้นอยู่หน้าจอบ่งบอกว่าใครโทรมา และสื่อความหมายว่า "งานเข้า"

         จินได้พบกับ "สวย" ณ โรงพยาบาลเฉพาะทางชื่อดังแห่งหนึ่ง แม้จะล่วงเลยมานานมากด้วยกาลเวลาแต่ภาพนั้นยังจารลึกอย่างชัดเจนในความทรงจำของจิน ภาพเด็กผู้หญิงนั่งกอดเข่าซ่อนใบหน้าไว้ราวกับว่ามันเป็นที่ซ่อนตัวอันปลอดภัยจากโลกภายนอกอันแสนโหดร้าย ห้องทั้งห้องดูอึมครึมและหม่นหมองไปพร้อมกับเธอ... เด็กน้อยมีร่างกายซูบผอมคล้ายเด็กขาดสารอาหาร กระดูกตามข้อปูดโปนจนน่ากลัวว่ามันจะทะลุผิวหนังอันแสนหยาบกร้านของเธอออกมา ผิวหนังที่ค่อนข้างคล้ำแห้งแตกเป็นขุย ส้นเท้าแตกเป็นริ้วๆ ผมหยาบกระด้างสีดำตัดสั้นแทบติดหนังศีรษะ และยังเว้าๆ แหว่งๆ ตรงเกือบกลางศีรษะมีรอยฝีเข็มเย็บแผลของแพทย์เป็นทางยาวนั้นเป็นช่องโหว่อยู่ไม่มีผมขึ้นแม้สักเส้น ภาพนั้นสะกดความรู้สึกของจินให้หยุดมองอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

         ในห้วงของความคิดคำนึงอื้ออึงไปด้วยคำถาม เธอไปพบเจออะไรมาบ้างหนอจึงมีสภาพเช่นนี้... ความสดใสของวัยแรกรุ่นได้หนีหายไปอยู่ที่ตรงไหน... ใครกันที่พรากสิ่งสวยงามไปจากเธอ... คงไม่พ้นการกระทำของมนุษย์อีกแล้วที่ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันถึงเพียงนี้ ร่างกายภายนอกยังบอบช้ำขนาดนี้แล้วหัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กคนนี้เล่าจะบาดเจ็บปานใด จินครุ่นคิดอย่างหนักจนคิ้วแทบจะย้ายที่มาอยู่รวมกัน ถ้าไม่ติดรอยย่นที่หัวคิ้วมาคั่นไว้


             เรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาของสวยค่อยๆ หลั่งไหลกลับมาในห้วงสำนึก... สวย เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัวอันแสนยากจนข้นแค้นครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้ไม่แน่ชัดว่าจะเข้าทำนองมีลูกมากจึงยากจน หรือ เพราะยากจนจึงมีลูกมาก แม่ของสวยมีลูกทั้งหมดนับที่ยังมีชีวิตอยู่รวมสวยด้วยก็เจ็ดคน ซึ่งแม่ของสวยได้เล่าว่าจริงๆ แล้วเธอท้องลูกทั้งหมดสิบสามคนแต่แท้งไปเสียหกท้อง ส่วนพี่ชายคนโตของสวยนั้นเป็นพี่คนละพ่อที่ได้แยกทางกันไปและอาศัยอยู่กับครอบครัวฝ่ายสามีเก่า สวยจึงกลายมาเป็นลูกคนโตที่มีน้องเล็กๆ อีกห้าคนให้ต้องดูแล แม่เป็นแรงงานสำคัญและเป็นแหล่งรายได้หลักของครอบครัวเพราะพ่อมีร่างกายที่ไม่สมประกอบ แขนข้างขวาของพ่ออ่อนแรงทำงานหนักไม่ได้เนื่องจากตกต้นไม้ตั้งแต่สวยยังเล็กๆ นอกจากนี้พ่อมักหาเรื่องทะเลาะกับแม่ด้วยเหตุเมาและหึงหวง ตั้งแต่เล็กมาสวยได้รับความอบอุ่นจากตาและยาย สวยเรียนจบป.6 ซึ่งก็คงมากพอสำหรับครอบครัวที่ปากกัดตีนถีบรับจ้างทำงานไปวันๆ และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง แถมยังมีลูกดกยัวเยี้ยให้ต้องเลี้ยงดู โชคดีเหลือเกินที่เด็กอีกหกคนไม่ได้ลืมตามาดูโลกที่แสนลำเค็ญใบนี้

          หลังจากเรียนจบ สวยได้ไปรับจ้างทำงานก่อสร้างแต่ก็ถูกโกงค่าแรงสวยจนต้องออกจากงาน ไม่นานก็มีคนในหมู่บ้านซึ่งเป็นนายหน้าหาเด็กไปทำงานบ้านให้กับคนรวยในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์มาพูดกับแม่เพื่อชักชวน สวยจึงได้เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังไม่ทำบัตรประชาชน สวยทำงานเป็นเด็กรับใช้ให้กับครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะร่ำรวยครอบครัวหนึ่ง คุณผู้หญิงเป็นคนเดียวที่อยู่บ้านทุกวัน คุณผู้ชายไปทำงาน ลูกๆ ทั้งสี่คนของคุณผู้หญิงไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ โดยสามในสี่คนที่จบออกมาต้องเกี่ยวข้องกับการรักษาคนเจ็บป่วย


        เวลางานของสวยเริ่มตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง สวยต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ล้างจาน ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ทั้งหมด ล้างรถทุกคันในบ้าน ซักผ้าด้วยมือแม้จะมีเครื่องซักผ้าอำนวยความสะดวกแต่สวยมักไม่มีสิทธิ์ใช้ นอกจากนี้สวยยังต้องจัดเตรียมอาหารเช้า กลางวัน และเย็น เก็บโต๊ะอาหารและอื่นๆ อีกมากมายตามแต่คุณผู้หญิงจะบัญชา สวยทำงานหนักแต่ไม่เคยได้รับเงินเดือนเพราะคุณผู้หญิงบอกว่าจะส่งให้แม่เอง สวยไม่มีวันหยุด วันไหนงานน้อยโชคดีหน่อยสวยจะได้เข้านอนตอนเที่ยงคืน เด็กน้อยมักรู้สึกเหมือนเพิ่งจะได้ปิดเปลือกตาก็ต้องพยามยามดึงรั้งหนังตาอันหนักอึ้งขุดตัวเองออกมาจากที่นอน เมื่อคุณผู้หญิงมาตามให้เธอไปทำงานในเช้าตรู่ของวันใหม่... เป็นอย่างนี้อยู่เสมอจนสวยคิดว่ามันคงจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป

         สวยที่อยู่ในวัยอันสดใส เป็นวัยที่สมองและร่างกายพร้อมจะเจริญเติบโตหากได้รับการดูแลเอาใจใส่ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา อาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และถูกสุขลักษณะ น้ำจิตน้ำใจ ความเอื้ออารีจากเพื่อนมนุษย์ จากครอบครัวที่ดูเหมือนจะดีพร้อมทั้งฐานะการศึกษาและอาชีพ จากผู้ใหญ่ที่มีทุกอย่างเหนือกว่าเด็กอย่างสวยที่มาจากภาคอีสานอันแร้นแค้น แต่สวยไม่เคยได้รับโอกาสนั้นในบ้านหลังนี้ แม้กระทั่งอาหารประทังชีวิตในแต่ละมื้อถ้าไม่ใช่น้ำเปล่าก็เป็นข้าวที่หลงเหลือมาจากวันไหนก็ไม่รู้ซึ่งถูกแช่ไว้ในตู้เย็น รสชาติของมันเมื่อแตะลิ้นมันช่างเย็นยะเยือกไปสู่ขั้วหัวใจดวงน้อยอันขาดวิ่นเว้าแหว่งของสวย แม้บางมื้อสวยจะมีกับข้าวเพิ่มขึ้นมา ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่กับข้าวที่มีรสเผ็ดจี๊ดไปถึงดวงตาและออกไปสองหูอย่างเจ้าพริกป่นพวกนี้ยิ่งเรียกหยาดน้ำตาให้ออกมาพรั่งพรูได้อย่างร้ายกาจ สวยบอกตัวเองให้อดทนเมื่อนึกถึงใบหน้าของยายของแม่พร้อมกับดวงตาอันไร้เดียงสาและรอคอยของน้องๆ

           วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยามสวยเล่นสนุกกับเพื่อนที่โรงเรียน วิ่งเล่นตามท้องทุ่ง เกี่ยวข้าว ดำนา จับกบจับเขียด แต่ไฉนวันเวลาของสวยในช่วงนี้จึงเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้าราวกับโชคชะตากลั่นแกล้ง กว่าจะหมดไปในแต่ละวัน ช่างเหนื่อยแสนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ปริมาณงานที่ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นช่างเป็นปฏิกิริยาผกผันกับสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลง รูปร่างของสวยลีบเล็กผอมโซดำคล้ำคล้ายไม้เสียบผีเข้าไปทุกวัน ผ่านไปเพียงเดือนเศษๆ คุณภาพงานของสวยคงจะลดลงจนถูกใจคุณผู้หญิงบ้างไม่ถูกใจบ้างซึ่งส่วนที่ไม่ถูกใจดูจะมากกว่า สวยจึงมักถูกลงโทษด้วยการด่าทอและทุบตี ถ้าคุณผู้หญิงมีอารมณ์โกรธมากก็จะใช้เข็มขัดหนังหัวเหล็กฟาดมาตามตัวและศีรษะของสวย หรือไม่ก็เอาเก้าอี้ไม้สักหัวโล้นฟาดเข้าที่กลางหลัง บ่อยครั้งที่คุณผู้หญิงทำโทษโดยให้สวยตบปากตัวเองจนเลือดกลบปาก และยังบังคับให้เอาหัวโขกพื้น ลูกๆ ของคุณผู้หญิงก็เคยห้ามปรามมารดาแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนเรื่องเด็กสวยถูกทำร้ายอาจเป็นเรื่องปกติธรรมดาของครอบครัวนี้

  ในสายตาของซาตาน ชีวิตของสวยคงจะธรรมดาและดูสุขสบายเกินไปจนก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา จึงได้ดลบันดาลวันที่คงจะเป็นตัวแดงในปฏิทินใจของสวยไปตลอดชีวิต วันนี้สวยทำงานหนักอย่างเช่นเคยด้วยร่างกายที่อ่อนล้าและเหมือนจะเป็นไข้ เสียงคุณผู้หญิงสั่งงานเข้าหูบ้างไม่เข้าบ้าง สวยทำงานผ่านไปด้วยความเคยชินเหมือนหุ่นยนต์ไร้วิญญาณ... ที่ชั้นสองของบ้านหากมีใครในบ้านหลังข้างๆ ได้ใส่ใจมองผ่านเข้าไปก็คงจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตื่นตระหนกผนวกกับเศร้าสลด...

          เสียงหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาและการแต่งกายดูดีด่าทอเด็กลูกจ้างที่นั่งซักผ้าอยู่ด้านหน้าดังโหวกเหวก สิ้นเสียงนั้นก็ตามมาด้วยเสียง "ปึ๊ก" ท่อแป๊ปเหล็กรูปทรงกลมที่ใช้เป็นราวตากผ้าไม่ทราบขนาดฟาดเข้ากลางหลังของเด็ก เด็กน้อยหล่นจากเก้าอี้ ความเจ็บแล่นเข้าสู่กลางลำตัวแผ่เป็นวงกว้างไปรอบหัวใจกลั่นเป็นน้ำใสๆ ออกจากตา

          "คุณผู้หญิงอย่าทำหนู หนูกลัวแล้ว" เด็กน้อยละล่ำละลักพร้อมยกมือไหว้ขอความเมตตา คุณผู้หญิงหยุดชะงัก ประกายตาของเด็กน้อยเริ่มมีความหวังว่าคุณผู้หญิงคงสงสารตนบ้าง ฉับพลันคุณผู้หญิงก้มลงคว้าเก้าอี้ไม้ตัวเล็กฟาดตามลงมา เด็กน้อยก้มศีรษะเพื่อป้องกันภัยตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอด

        "โพล้ะ" เสียงเก้าอี้กระทบกับด้านหลังศีรษะของสวย เสียงนี้ต้องมีอะไรแตกหักบางอย่าง เก้าอี้ที่หล่นอยู่ข้างกายของสวยยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ สวยรู้สึกตึบๆ ที่ศีรษะเหมือนมีชีพจรไปเต้นอยู่ตรงนั้น จากชาหนึบกลายเป็นเจ็บและปวด สวยค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะคลำศีรษะของตนเอง มีน้ำข้นๆ เหนียวเหนอะสีแดงเข้มและมีกลิ่นคาวติดมือมา

         สวยไม่โง่จนจะไม่รู้ว่าตนเองบาดเจ็บ สวยรู้ว่าตนเองบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย แต่เด็กน้อยบ้านนอกตัวคนเดียวจะทำอย่างไรได้ เธอมีทางเลือกอื่นหรือไม่หากครอบครัวนี้ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวที่เธอรู้จักในเมืองใหญ่ไม่หยิบยื่นความปราณีให้... แล้วเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปสำหรับคนในบ้านนั้น แต่สำหรับสวย มันไม่ได้ผ่านไปอย่างง่ายดาย ความทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่ไม่ได้รับการเยียวยาเลยได้ส่งผลออกทางกาย สวยตัวร้อนราวกับไฟ ลมหายใจเข้าออกช่างผ่าวร้อนจนแสบจมูก ลำคอแห้งผาก ปากแตกเป็นขุยจนเลือดออกซิบๆ แต่สวยยังต้องแข็งใจทำงานต่อไปจนกลางดึก สวยแบกร่างกายอันหนักอึ้งสู่ห้องของตน ทิ้งตัวลงนอนและควานหาผ้าห่มมาห่อร่างกายที่คล้ายมีไฟเผาแต่ในความรู้สึกของสวยเธอหนาวเหน็บและสั่นเทาราวเป็นไข้จับสั่น สติของสวยดับวูบลงอย่างไม่อินังขังขอบต่ออะไรทั้งสิ้น

         คงได้เวลาทำงานอีกแล้ว สวยบอกตัวเอง เสียงคุณผู้หญิงมาตะโกนอยู่หน้าห้อง ประสาทรับรู้ของสวยยังทำงานอยู่แต่ร่างกายกลับไม่ไหวติง มันคงอยากจะลาป่วย สวยไม่สามารถขยับตัวได้เลย ทุกอณูขุมขนมันเจ็บปวดและหนาวสั่น คุณผู้หญิงเปิดประตูเข้ามายืนมองและพูดอะไรไม่รู้ คงไม่มีใครรู้ได้ว่าภาพที่เห็นส่งผลอะไรต่อความรู้สึกนึกคิดของสาวใหญ่คนนี้บ้าง ความรู้สึกผิด สงสาร และเมตตา จะมีในพจนานุกรมชีวิตของเธอหรือไม่ หลังจากนั้นสวยถูกบังคับให้ต้องมีเรี่ยวแรง คุณผู้หญิงสั่งให้สวยเก็บสมบัติเท่าที่จะทำได้ใส่กระเป๋าใบเดิมที่มาจากบ้านแล้วลากตัวสวยมาโทรศัพท์หาแม่ บังคับให้พูดตามที่คุณผู้หญิงสั่งเท่านั้น แต่สวยไม่พูดอะไรเลย การนิ่งเฉยของสวยเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธของคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงยกเท้าขึ้นมาตบหน้าสวยหลายที สวยเจ็บจนรู้สึกชาไปหมดแล้ว คุณผู้หญิงก็ลากสวยออกจากบ้านขึ้นรถ

 เมื่อรถจอดสนิท คุณผู้หญิงพาสวยลงมายังสถานที่แห่งหนึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่โตสีขาว หลังคาโค้ง มีผู้คนเดินขวักไขว่เข้าออกพร้อมสัมภาระ สวยตาลายและสับสนว่านี่คือที่ไหนกัน ไม่นานจึงเริ่มรู้สึกคุ้นๆ... ใช่สวยเคยมาที่นี่มาก่อน มันมีรถจักรรูปร่างคล้ายหนอนตัวยาวๆ ที่เวลามันเคลื่อนตัวจะมีเสียง "ฉึกฉักๆ" ที่สวยและเพื่อนๆ มักร้องเล่นกันบ่อยๆ ว่า "ถึงก็ซ่าง... บ่ถึงก็ซ่าง" มันเคยพาสวยมาสู่มหานครแห่งนี้ และมาพบกับครอบครัวที่แสนโหดร้าย และตอนนี้คุณผู้หญิงพาสวยไปช่องซื้อตั๋ว จ่ายเงินแล้วพาสวยไปส่งขึ้นรถไฟกลับบ้าน

         นั่นคือสิ่งที่ทำให้สวยคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่พบคุณผู้หญิง แต่โลกมันกลม และใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้นเสมอ

         หลังจากสวยหลับๆ ตื่นๆ ด้วยพิษไข้อยู่บนรถไฟเพียงลำพังจนถึงตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่ง มันได้จอดแวะส่งสวยลงปลายทางที่ต้องการแล้วรถจักรคันยาวก็ทอดทิ้งสวยไว้ที่สถานีอย่างเดียวดาย... สวยหาเศษเหรียญหยอดตู้โทรศัพท์ไปหาป้าเพื่อให้ช่วยไปบอกแม่ เพราะครอบครัวสวยไม่มีหรอกไอ้โทรศัพท์มือถือเนี่ย จากนั้นสวยแข็งใจแบกสังขารของตนเองไปนั่งรถสองแถวที่ป้าบอกเพื่อไปลงหน้าหมู่บ้าน แล้วแม่กับป้าจะมารับ แรกพบแม่ตกใจกับสภาพลูกน้อยที่เห็น... เหมือนแม่ถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ นี่ลูกฉันไปโดนอะไรมา... นี่ฉันส่งลูกไปลงนรกมาหรือนี่... ใครทำอะไรกับลูกของฉัน ความเสียใจและรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องลูกของตนเองได้ คำถามข้อสงสัยหลากหลายประดังประเดเข้ามา...

         แม่... หญิงชาวบ้านผู้ต่ำต้อยน้ำตาคลอ แม่สวมเสื้อยืดเก่าซีดขาดเป็นรู ผ้าถุงลายขวางที่แสนซ่อมซ่อคงจะเปื่อยยุ่ยติดมือมาถ้าถูกจับต้องแรงๆ แม่ยังคงตัดผมสั้น โหนกแก้มและหน้าผากเต็มไปด้วยฝ้าซึ่งก็ไม่รู้ว่าผิวที่แท้จริงของแม่เคยเป็นเช่นไร แม่สวมรองเท้าแตะคีบที่มีร่องรอยผ่านการออกงานมาอย่างโชกโชน ฝ่ามืออันแสนหยาบกร้านของแม่เอื้อมมาจับตัวลูกสาวคนโตดึงตัวเข้าไปสวมกอด เหมือนเส้นความอดทนของสวยได้ขาดสะบั้นลง สวยปล่อยโฮออกมาอย่างสุดชีวิต เสียงร้องไห้ของสวยกรีดลึกลงไปกลางใจกลางหัวอกคนเป็นแม่จนไม่สามารถบอกได้ว่าจากเหตุการณ์นี้ใครเจ็บปวดกว่ากัน

         ด้วยความช่วยเหลือของป้า สวยถูกนำตัวไปรับการรักษายังโรงพยาบาลประจำจังหวัด และมีองค์กรเอกชนเข้ามาช่วยเหลือทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการดำเนินคดี หลังจากนั้นสวยได้ถูกพากลับมาสู่กรุงเทพฯ อีกครั้งเพื่อรับการบำบัด ฟื้นฟู เยียวยา ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงด้านการดำเนินคดี ณ องค์กรที่จินทำงานอยู่

         หลังจากพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทั้งร่างกายและจิตใจอยู่ระยะหนึ่ง สวยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ความสดใสกลับมาสู่เด็กวัยรุ่นอีกครั้ง แต่สวยยังคงตกใจและตื่นเต้นง่ายมากกับสถานการณ์ใหม่ๆ ฝันร้ายกลับมาเยือนสวยในบางค่ำคืน แต่สวยก็รู้ว่ามันไม่จริงและย้ำกับตัวเองทุกครั้งว่าที่นี่ปลอดภัยเหมือนที่คุณหมอและพี่ๆ ทุกคนให้ความมั่นใจกับสวย เมื่อผลการประเมินจากนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์และแพทย์รวมทั้งตัวสวยเองบ่งบอกว่า สวยพร้อมจะก้าวออกมาจากฝันร้ายแล้วเริ่มต้นใหม่ ป้านักสังคมสงเคราะห์ได้พาสวยไปสมัครเรียนชั้น ม.1

         วันนั้นสวยใส่ชุดนักเรียนใหม่เอี่ยม รองเท้านักเรียนถูกขัดจนมันเป็นเงา แต่สวยเกลียดทรงผมของตัวเอง มันเว้าแหว่งไม่เป็นทรงแม้มันจะยาวกว่าเดิม แต่ตรงที่เป็นแผลเป็นยังไม่มีผมขึ้นมาปกคลุมเลย สวยอาย... สวยกลัว... หัวใจของสวยเต้นราวกลองเพลระหว่างนั่งอยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการโรงเรียน สวยนั่งก้มหน้า ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร จากสภาพทางกายของสวยทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนอ้ำอึ้งในการตัดสินใจอยู่นาน และมีคำพูดบ่ายเบี่ยงคล้ายๆ ว่าไม่อยากรับสวยเข้าเรียน แต่ป้านักสังคมสงเคราะห์ก็รับรองอย่างแข็งขัน สุดท้ายสวยกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้อย่างไรคงไม่มิด สวยได้เรียนหนังสืออย่างสมใจโดยที่สวยปฏิญาณตนไว้เลยว่าจะต้องเรียนและเอาดีให้ได้

         เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ มันแค่เพียงเริ่มต้นเท่านั้น ก็โลกมันกลม เพราะสวยยังต้องเข้าสู่กระบวนการเรียกร้องความเป็นธรรม ในวันสำคัญของสวยอีกวันหนึ่ง แสงสีทองเพิ่งสาดส่องแต่งแต้มท้องฟ้า ท้องถนนที่พลุกพล่าน รถติดเป็นแพอยู่เบื้องล่าง คณะของสวย แม่ จินและทีมงานอยู่ในรถบนทางด่วนที่ทอดยาว จุดหมายเพื่อไปยังสถานที่ราชการที่ดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม ศาลอาญา สถานที่ที่ทำให้สวยจิตใจหวาดหวั่น ระทึก ระคนตื่นกลัว ทุกคนพยายามพูดคุยเพื่อผ่อนคลายความเครียด แม้ศาลจะมีระบบดูแลเหยื่อผู้ถูกกระทำที่เป็นเยาวชนอย่างดี เราก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องพบหน้ากับคุณผู้หญิงที่มีสีหน้าและแววตาเรียบเฉย ริมฝีบางปิดสนิทราวกับไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้ สวยจับมือจินไว้แน่น เหงื่อออกเต็มอุ้งมือ จินรู้ว่าสวยรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกไร้เรี่ยวแรงและรู้สึกว่าความเป็นคนของสวยลดน้อยลงยามเผชิญหน้ากับคุณผู้หญิง จินบีบมือเล็กๆ นั้นไว้ "ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว สวยไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว" นั่นคือสิ่งที่จินกระซิบบอกสวยในวันนั้น สวยและจินอยู่ในห้องแยกเพราะสวยยังอายุไม่ถึง 18 ปี สวยให้ปากคำกับศาลโดยผ่านกระบวนการป.วิอาญา มีนักสังคมสงเคราะห์เป็นตัวกลางในการให้การต่อศาล และต่อมาก็เป็นแม่ของสวยและคุณผู้หญิงที่ต้องอยู่ในห้องพิจารณาคดีและให้การต่อหน้าศาลโดยตรง แต่สวยไม่สามารถเข้าฟังได้ คุณผู้หญิงสู้คดีอย่างเต็มที่ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากคำให้การกลายเป็นว่า สวยเป็นเด็กดื้อ ซน ขี้เกียจ และลื่นหกล้มด้วยความซุ่มซ่ามของสวยเองรวมทั้งสวยมีแม่และญาติที่หัวหมอต้องการได้เงินจึงมาฟ้องร้องเอาผิดกับคุณผู้หญิงแบบนี้

         กฎแห่งการกระทำมีจริง... ปลูกไม้ผลอะไรไว้ผลของมันย่อมออกมาให้เก็บกินหรือชดใช้ คำตัดสินของศาลชั้นต้นตัดสินว่าจำเลยกระทำผิดจริง คุณผู้หญิงจึงยื่นอุทธรณ์ ซึ่งผลของมันก็ยังยืนตามศาลชั้นต้น ปัจจุบันกำลังรอศาลฎีกาก็เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการคดีประวัติศาสตร์ "ใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส" ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร

         จากวันนั้นวันที่ทุกข์ทรมานสาหัสที่สุดในชีวิตของสวย เป็นเวลาที่เหมือนจะยาวนานและน่าจะลบเลือนสิ่งต่างๆ อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นจนหมดสิ้น เหมือนสภาพร่างกายของสวยที่หากเอาภาพถ่ายในอดีตกับปัจจุบันมาวางคู่กัน ถ้าไม่เคยรู้เบื้องหลังของเรื่องราวมาก่อน จะไม่มีใครจำได้เลยว่าทั้งสองภาพคือบุคคลคนเดียวกัน แต่ใครจะรู้แม้ภายนอกจะดูสวยงามตามวัย ไม่มีร่องรอยบาดแผลที่บ่งชี้ว่าสวยผ่านอะไรในชีวิตมา ด้วยวัยเท่านี้เธอพบเจอวิกฤตมามากมายกว่าหลายๆ คนที่อายุเข้าเลขสามเลขสี่ด้วยซ้ำ จินเชื่อว่าในใจของสวยยังมีแผลเป็นที่คล้ายกับแผลบนศีรษะของเธอซึ่งทุกวันนี้ยังคงอยู่ เพียงแต่ผมที่ยาวได้ปกปิดแผลเป็นนั้นเอาไว้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามสวยได้ก้าวข้ามทุกอย่างในวันนั้นแล้ว อดีตก็คืออดีต แม้มันจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมันก็ได้ผ่านไปแล้วเหมือนที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้

         วันนี้จินมาส่งสวยเข้าศึกษาต่อในระดับวิทยาลัย ไม่ว่าชีวิตจะผ่านช่วงเวลาดีหรือร้ายอย่างไรมาแต่ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป สวยเจ้าได้เติบโตเข้มแข็งและเป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครัวและพวกเราทุกคน

.......................................................................................................................................
หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1  ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์:knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113    หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org

Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน ดอนเมือง http://www.facebook.com/apswthailand.org
 หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org

ชีวิตใหม่

  ชีวิตใหม่ Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เรื่อง : ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน , ผู้เขียน : จิตรา นวลละออง...