เมื่อผู้หญิงรู้ว่าท้องทั้งที่ยังไม่พร้อม...จะทำอย่างไร?...
จากการสำรวจข้อมูลผู้หญิงที่ประสบปัญหา ท้องไม่พร้อม ซึ่งพักพิงเพื่อรอคลอดและพักฟื้นหลังคลอดในบ้านพักฉุกเฉิน ตั้งแต่ช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม 2554 จำนวน 20 ราย พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า...ผู้หญิงจำนวน 14 ราย เมื่อแรกที่รู้ว่าท้องพวกเธอเหล่านั้นคิดถึงการทำแท้งเป็นสิ่งแรก
ในจำนวนผู้หญิงที่คิดทำแท้ง 14 ราย นั้น มี ผู้ที่ตัดสินใจและได้ลงมือทำจำนวน 9 ราย เมื่อแยกตามวิธีการทำแท้งแล้วจะพบว่าในเบื้องต้นผู้หญิงจะใช้วิธีการจัดการ ด้วยตนเองคือ การกินยาตรางูผสมเหล้าขาว การกินยาบำรุงเลือดจำพวกยาสตรีต่างๆแต่หากไม่สำเร็จจะใช้วิธีการไปหาแหล่งทำ แท้งภายนอก ดังจะเห็นได้ว่ามีผู้หญิงหลายคนที่ไม่ได้ใช้วิธีการทำแท้งเพียงแค่วิธีเดียว เมื่อทดลองวิธีแรกไม่สำเร็จ ก็จะลองทำอีกหลายวิธี และจะไปจบลงที่คลินิกทำแท้งแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากสาเหตุหลักคือ ไม่มีเงิน เพราะเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นก็จะต้องเพิ่มเงินในการทำมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้มีผู้หญิง 3 ใน 10 ราย ที่ตรงไปหาสถานที่ทำแท้งโดยที่ไม่ใช้วิธีการอื่นๆร่วมด้วยเลย รวมทั้งยังมีผู้หญิงอีก 1 ราย ที่คิดว่าการทำงานหนัก ไม่ฝากครรภ์และไม่บำรุงครรภ์ก็จะช่วยให้เธอแท้งลูกไปได้เอง
มีผู้หญิงเพียง 6 รายเท่านั้นที่บอกว่า “ถึง แม้เธอจะท้องไม่พร้อม ก็ไม่คิดทำแท้ง” ซึ่งในจำนวน 6 รายนี้ มีผู้หญิงซึ่งโชคร้าย 2 ราย ที่ไม่ต้องการทำแท้งแต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องทำ รายแรกนั้นถูกบังคับจากสามีและภรรยาหลวงโดยให้คนพาไปคลินิกทำแท้งแต่ไม่ สามารถทำได้เนื่องจากอายุครรภ์เธอผ่านพ้น 4 เดือนไปแล้ว เมื่อกลับมาภรรยาหลวงของสามีจึงหายาตรางูมาผสมเหล้าขาวให้เธอทานแต่ก็ไม่มี อะไรเกิดขึ้นนอกจากอาการร้อนวูบวาบในท้องหลังทานยาเท่านั้น ส่วนอีก 1 รายแพทย์มีความเห็นว่าเธอควรยุติการตั้งครรภ์เนื่องจากปัญหาสุขภาพซึ่งเธอ เองมีโรคประจำตัวอยู่แล้วและยังได้รับเชื้อโรคร้าย คือ เชื้อเอช ไอ วี มาจากสามีจึงทำให้เธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อย่างที่ต้องการ
ผู้หญิงที่คิดทำแท้งและได้ลงมือทำจำนวน 9 ราย
|
|
วิธีการ
|
จำนวน(ราย)
|
1.กินยาบำรุงเลือดสตรี(ยาสตรีเบนโล,ยาสตรีเพ็ญภาค) |
2 ราย
|
2.กินยาตรางู ผสมเหล้าขาว |
1 ราย
|
3.ไปคลิกนิคทำแท้งเถื่อน |
3 ราย
|
4.กินยาบำรุงเลือดสตรี(ยาสตรีเบนโล,ยาสตรีเพ็ญภาค)กินยายาตรางู ผสมเหล้าขาวและไปคลินิกทำแท้งเถื่อน |
1 ราย
|
5.กินยาผสมเหล้าขาว(ยาตรางู /ยาช้างแรด)และไปคลินิกทำแท้งเถื่อน |
1 ราย
|
6.ไม่บำรุงครรภ์ ไม่ฝากครรภ์และทำงานหนัก คิดว่าจะให้แท้งเอง |
1 ราย
|
รวม
|
9 ราย
|
ผู้หญิงที่มีความจำป็นและถูกบังคับ ให้ต้องทำแท้งจำนวน 2 ราย
|
|
วิธีการ
|
จำนวน(ราย)
|
1.ไปคลินิกทำแท้งเถื่อน และกินยตรางูผสมเหล้าขาว |
1ราย
|
2.แพทย์วินิจฉัย ทำการยุติการตั้งครรภ์เนื่องจากมีโรคประจำตัวทาลัสซีเมีย เบาหวานและติดเชื้อ เอช ไอ วี |
1ราย
|
รวม
|
2 ราย
|
อะไรเป็นปัจจัยให้พวกเธอตัดสินใจเช่นนั้น
สาเหตุหลักที่บีบให้ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมต้องคิดหาทางออกด้วยการทำ
แท้งทั้งๆที่พวกเธอทั้ง 14 คนนั้นต่างนับถือศาสนาพุทธ
และมีความเชื่อเรื่องบาป-บุญ
ว่าการทำแท้งนั้นจะทำให้ชีวิตคนเราตกต่ำและทำมาหากินไม่เจริญ
แต่พวกเธอก็ยังคิดถึงการทำแท้ง
เพื่อเป็นทางออกของปัญหาทั้งที่ในชีวิตแทบไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย...นั่นเป็น
เพราะ...
- แฟน/สามีปฎิเสธความรับผิดชอบและขาดการติดต่อ 11 ราย
- สามีเปลี่ยนไปทั้ง เสพยาบ้าและทุบตีทำร้ายร่างกาย 2 ราย
- ความสัมพันธ์แบบไม่จริงจัง 1 ราย(หลังจากเลิกคบหากับแฟนเพราะเบื่อๆกันไปและต่างไปมีแฟนใหม่ จึงรู้ว่าท้อง)
พวกเธอรู้และเข้าถึงช่องทางในการทำแท้งได้อย่างไร?
“เมื่อรวมผู้หญิงที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อมกลุ่มที่มีความคิดต้องการ
ทำแท้ง และลงมือทำ จำนวน 9 ราย
กับกลุ่มที่ไม่มีความคิดทำแท้งแต่มีความจำเป็นบังคับจำนวน 2 ราย
จะพบว่ามีผู้หญิงที่ทำแท้งทั้งหมด 11
รายโดยช่องทางการเข้าถึงอันดับแรกคือมาจากเพื่อนแนะนำ รองลงไปก็จะเป็นญาติ
สามีและภรรยาหลวงของสามี จากสถานที่สาธารณะ และการวินิจฉัยทางการแพทย์
อย่างละ 1 ราย
ซึ่งในกรณีจากสถานที่สาธารณะที่สามารถพบเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่ตามรถ
โดยสารสองแถวนั้นเป็นช่องทางที่ค่อนข้างเปิดเผยอย่างมากในสังคมไทย
สังคมที่การทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
และเป็นสังคมที่เราเชื่อกันว่าเราเป็นชาวพุทธ
ช่องทางการเข้าถึงวิธีการทำแท้ง
|
จำนวน(ราย)
|
1.เพื่อนแนะนำ |
6 ราย
|
2.ด้วยตนเอง |
1 ราย
|
3.ญาติแนะนำและพาไป |
1 ราย
|
4.สามีและภรรยาหลวงของสามี |
1 ราย
|
5.สถานที่สาธารณะ(พบเห็นเบอร์โทรศัพท์คลินิกวางแผนครอบครัวติดอยู่ที่รถโดยสารสองแถวจึงเสี่ยงโทรสอบถาม) |
1 ราย
|
6.การวินิจฉัยทางการแพทย์ เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ |
1 ราย
|
รวม
|
11 ราย
|
เสียงสะท้อนจากผู้หญิงที่เคยท้องไม่พร้อม... ผู้หญิง ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อมที่อยู่ในบ้านพักฉุกเฉินส่วนหนึ่งได้สะท้อนถึง ความคิดเห็น มุมมอง และความต้องการของตนเองในประเด็นต่างๆดังนี้
ประเด็นการทำแท้ง
“ในความรู้สึกของหนูเด็กไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าจะโทษ...โทษแม่ดีกว่า การทำแท้งมันบาป ทำอะไรก็ไม่เจริญ”
“ตอนที่คิดทำแท้งมันเป็นอารมณ์ ที่ไม่รู้จะทำยังไงแฟนเขาก็ไม่รับ ท้องก็โต...แต่มาถึงวันนี้คลอดลูกแล้วก็ดีใจที่ตอนนั้นไม่มีเงินทำ”
“ตอนแรกที่รู้ว่าท้อง บอกกับแฟนเขาก็เฉยๆ
แถมเขายังกินเหล้าและไปติดผู้หญิงอื่นซ้ำยังทำร้ายร่างกายเราด้วย
ตัวเองก็กลัวว่าถ้าแฟนทิ้งจะเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหว
เพราะต้องเลี้ยงลูกคนโตอีก ไม่มีเงินไปทำแท้งก็เลยไม่สนใจดูแลตนเอง
ไม่บำรุง ไม่ไปหาหมอไม่ฝากท้อง ทำงานหนัก คิดว่าอาจจะแท้งไปเอง
ตอนนี้สิ่งที่อยากบอกกับผู้หญิงหรือน้องๆที่ท้องไม่พร้อมว่ามาอยู่บ้านพัก
ฉุกเฉินดีกว่าการไปทำแท้ง และตนเองไม่เสียใจเลยที่มีลูกคนนี้”
“ตอนที่หนูคิดทำแท้งนอนไม่หลับเลยและเด็กถีบแรงมาก อาจเกิดจากความเครียด
ไม่มีหนทาง แต่พอรู้ว่ามีสถานที่ช่วยเหลือคือบ้านพักฉุกเฉิน ก็ดีขึ้น
เริ่มมีทางออก จึงไปทำบุญให้ลูกเพื่อให้ลูกอโหสิให้”
“แฟนเลี่ยงไม่รับผิดชอบ หนูเลยคิดจะไปทำแท้ง
จะบอกให้พ่อแม่รู้ก็กลัวแต่พอคิดไปก็สงสารลูกเลยไม่ทำ
แต่หนูก็เห็นใจผู้หญิงที่ไปทำนะ เพราะปัญหาของคนเราไม่เหมือนกัน”
“ตัดสินใจทำไปแล้วก็เสียใจ กลัวลูกพิการ กลัวลูกออกมาไม่สมบูรณ์
ถ้าย้อนกลับไปได้ในวันนั้นจะไม่เลือกทำแท้งคิดว่าการมีลูก 1 คน
มีความสุขเหมือนเป็นของขวัญให้กับชีวิตและได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย
ถ้าหนูไม่ท้องลูกคนนี้ก็ไม่รู้ว่าหนูจะเป็นยังไงอาจจะทำตัวแย่ๆเหมือนเดิม”
“มันมีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งเรื่องงาน เงิน พ่อแม่ ครอบครัว ตอนนั้นที่คิดไปทำเพราะยังไม่รู้จักบ้านพักฉูกเฉิน ถ้ารู้ก็คงไม่ทำ”
“ตอนที่คิดทำ ท้องได้ 3
เดือนแฟนเขาไม่ยอมรับว่าเป็นลูกเขาๆว่าเราทำงานร้านอาหาร...พอหนูทำไปแล้วก็
รู้สึกว่าตัวเองผิด เพราะว่าเด็กเขาไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเราไม่มีทางเลือก
ตอนนี้คลอดลูกแล้วก็อยากบอกกับแฟนว่าเนี่ยลูกเขา
อยากให้เขารับรู้ว่าเขาเป็นพ่อ”
“ตอนรู้ทีแรกว่าท้อง 3 เดือนทุกคนในบ้านก็ต่างดีใจแต่พอหนูท้องได้ 5
เดือนสามีก็เปลี่ยนไป ไม่ทำงานเอาแต่เสพยาบ้า
บอกให้เลิกก็ไม่เลิกพอไม่มีเงินก็มาบังคับเอากับเราพอเราไม่ให้ก็ทำร้าย
ก็เลยอยากทำแท้งจะได้เลิกกับเขา ไม่อยากทนอยู่แล้ว
ขนาดตอนท้องเขายังทำร้ายเลย บางทีก็คิดอยากตาย ไม่อยากอยู่แล้ว
ช่วงนั้นเรื่องบาปกรรมไม่คิดแล้วเพราะมันเครียดมาก พอทำแล้วเขาไม่ออก
อีกใจก็เลยมาคิดว่าเขาคงอยากมาอยู่กับเรา”
และสุดท้ายฝากบอกผู้ชายว่า “ตอนที่เราท้องก็ไม่เอาปฏิเสธ...จนเราจะไปทำแท้งพอเราคลอดลูก แล้วมาบอกว่าจะเอาลูกไม่เอาเรา...แล้วเราอุ้มท้องของเรามาตั้ง 9 เดือน รับปัญหาทุกอย่างมาคนเดียวสุดท้ายจะมาเอาลูกเราไป...ใครจะยอม...เห็นแก่ตัว” “ผู้หญิงน่ะเขาไม่ได้ต้องการอะไรจากผู้ชายมากมาย ไม่ได้ต้องการเงินทอง หรือต้องมาเลี้ยงดู ไม่ต้องมาดูแลอะไร ขอแค่มาแสดงตัวว่าเป็นพ่อ ร่วมกันรับผิดชอบ ว่าเป็นพ่อแม่เด็ก แล้วหลังจากนั้นจะแยกกันไปก็ไม่เป็นไร...คำว่าท้องไม่มีพ่อเนี่ยมันเจ็บปวดนะสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง...”
ข้อมูล ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน
ที่ปรึกษา ดร.เมทีนี พงษ์เวช
ผู้เขียนและภาพ จิตรา นวลละออง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น