...หลุมพรางออนไลน์...
Based on true story by บ้านพักฉุกเฉิน
สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
โลกอินเตอร์เน็ต
หรือ โซเชียล เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีประโยชน์มากมาย มันช่วยเชื่อมเรื่องราวของทุกมุมโลกไว้ด้วยกัน
ทุกวันนี้คนจากทุกมุมโลกสามารถสื่อสาร เห็นหน้าค่าตากันได้โดยผ่านแอปพลิเคชันหลากหลายชนิด
และในทางกลับกันเมื่อ มีคุณอนันต์ ก็ย่อม มีโทษมหันต์
หากมีผู้ใช้ที่มีเจตนาชั่วร้ายใช้มันเพื่อล่อลวงเหยื่อที่ยังเป็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลก
ดังเช่น...“น้องหนู”... สาวน้อยตัวเล็ก
วัยเพียง 14 ปี ด้วยวัยของน้องหนูนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อยที่น่าจะร่าเริงสดใส
วิ่งเล่นกับเพื่อนๆอยู่ในโรงเรียน แต่น้องหนูคงทำเช่นนั้นไม่ได้ไปอีกเกือบปี เพราะน้องหนูประสบภัยจากโลกโซเชียล
เธอถูกชายหนุ่มใจชั่วล่อลวงไปข่มชืน จนท้อง น้องหนูจึงต้องเข้ามาอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน
ด้วยปัญหา ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 4 เดือน
เด็กสาวที่ควรจะสดใส
กลับมีใบหน้าหมองเศร้า ขณะเล่าเรื่องราวบางส่วนในชีวิตให้ฟังว่า
“หนูท้อง เพราะความผิดพลาด กับนายเจตน์ เขาอายุ 23 ปีแล้ว
หนูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย เพราะเราแค่รู้จักกันทางเฟสบุ๊ค
เขาทักแชทมาหนูก็ตอบไปธรรมดาแค่คุยกันเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาก็มักจะชวนว่า...ออกมาเจอกันหน่อย...เขาก็ชวนออกไปเจอกันบ่อยๆ
แต่ก็ไม่ได้ออกไปตามคำชวนเขาสักที ”
แต่ด้วยความเป็นเด็กที่ผ่านโลกอันโหดร้ายมาเพียงน้อยนิด
ด้วยความที่ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อคุยกันผ่านเฟสบุ๊คและถูกนายเจตน์
ชักชวนบ่อยครั้งเข้า น้องหนูจึงกลายเป็นแมงเม่าที่บินเข้าหากองไฟอย่างง่ายดาย
“เขานัดให้ไปพบกันที่หน้าห้างบิ๊กซี หนูก็ไปคนเดียว ไม่คิดอะไรเพราะว่าที่ห้างก็คนเยอะแยะ
ตอนเจอกันก็ไม่ได้ประทับใจอะไร เขาก็หน้าตาไม่ค่อยดี แต่ตัวใหญ่กว่าหนูมาก
คุยกันที่บิ๊กซีไม่นานเขาก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวและค่อยไปส่งบ้าน...แต่เขาไม่ได้พาไปอย่างที่บอกกลับพาหนูไปที่ๆแห่งหนึ่ง
คงเป็นโรงแรมมั้ง?...หนูก็ไม่รู้
แล้วเขาก็ใช้กำลังบังคับข่มขืนหนูที่นั่น
หนูสู้เขาไม่ได้เลยเพราะเขาตัวใหญ่กว่าหนูมาก หลังจากเขาทำหนูแล้วก็พามาส่งที่เดิม...มันเป็นความผิดพลาดของหนู..หนูไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลย...เฟสบุ๊คหนูก็ไม่ติดต่อกับเขาอีก...หนูไม่คิดว่าหนูจะท้อง”
หลังเกิดเหตุร้ายที่เข้ามาในชีวิต
น้องหนูพยายามที่จะคิดว่ามันเป็นเพียงฝันร้าย เธอไม่ติดต่อกับนายเจตน์อีกเลย
เธอพยายามที่จะลืมและดำเนินชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นของเธอต่อไป แต่ฝันร้ายของน้องหนูก็ยังตามมาหลอกหลอนเธออย่างต่อเนื่อง
เพราะชายใจชั่วอย่างนายเจตน์ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ประจำเดือนของน้องหนูขาดหายไปหลายเดือน หน้าท้องของเธอก็เริ่มนูนขึ้น ด้วยเธอเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างผอมบางเมื่อพุงออก
รุ่นพี่ข้างบ้านเริ่มผิดสังเกตุ และนำเรื่องมาบอกกับยายของน้องหนู ยายจึงได้พาน้องหนูไปหาหมอและผลตรวจก็ออกมาว่าน้องหนูท้อง
แล้วน้องหนูจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ยายฟัง เมื่อยายรับรู้เรื่องราวทั้งหมด
จึงได้ไปปรึกษาปัญหากับอาจารย์ประจำชั้นของเธอ
อาจารย์ได้ช่วยเหลือเรื่องการพักการเรียนชั่วคราวให้กับน้องหนู
และยังติดต่อบ้านพักฉุกเฉิน เพื่อส่งน้องหนูมาพักชั่วคราวระหว่างรอคลอด
สำหรับสภาพจิตใจของน้องหนูนั้น
เราพบว่า เธอมีความเครียดและวิตกกังวลค่อนข้างสูง
ด้วยทุกครั้งที่เธอคิดถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเองเธอก็ยังคงโทษตนเองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง ที่ไปหลงเชื่อและไว้ใจคนอื่นมากเกินไป
จนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะของตนเองเท่านั้นยังส่งผลมาเป็นปัญหาใหญ่ให้กับยายผู้ซึ่งเฝ้าเลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กแต่น้อย
“หนูไม่มีพ่อไม่มีแม่ หนูอยู่กับยายและก็ตามาโดยตลอด
หนูเรียกยายว่าแม่ เขาต้องทำงานเลี้ยงดูและส่งเสียให้หนูเรียนหนังสือ
และยังต้องดูแลตาที่ป่วยเป็นโรคไตและโรคอัมพฤกษ์ ตอนนี้ยายก็ตกงาน
หนูก็มามีปัญหาอีก หนูสงสารยาย เท่านี้ยายก็มีภาระมากพอแล้ว
หนูก็มาสร้างเรื่องให้ยายอีก
ถึงยายจะไม่ได้ว่าอะไรหนูแต่หนูก็รู้ว่ายายผิดหวังและเสียใจ”
ทุกวันนี้น้องหนูใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเล็กๆ
ที่เรียกว่า “บ้านพักฉุกเฉิน” ที่ให้การดูแลเธอ ทั้งเรื่องการไปตรวจท้องและฝากท้อง
และแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับชายชั่วที่ชอบล่อลวงเด็กสาวทางเฟสบุ๊ค เธอบอกว่า หลังคลอดลูก
แล้วเธอจะเรียนต่อ จะไม่ทำให้ยายผิดหวัง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องหนูนั้นถึงจะเป็นเรื่องเศร้าเป็นรอยด่างในชีวิตของเธอ
แต่เธอก็ยังยินดีแบ่งปันกับเราเพื่อที่จะแบ่งปันไปยัง เด็กวัยรุ่น
หรือผู้หญิงคนอื่นๆ ให้ระวังภัยที่แฝงมาทางโลกออนไลน์ โลกโซเชียลที่หลายๆคนอาจหลงไหล
สำหรับตัวน้องหนูนั้นเรื่องนี้คือ “ผิดเป็นครูสำหรับเธอ”
แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ น้องหนูก็ไม่อยาก และไม่ต้องการให้ได้ครูที่แลกมาด้วยฝันร้ายอย่างเธอ
.......................................................................................................................................
หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น
ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม
ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม.
E-mail:admin@apsw-thailand.org หรือ เฟสบุ๊คFacebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน ดอนเมือง (https://www.facebook.com/apswthailand.org) และ
ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และหาทุน สมาคมฯ โทร.0 2929 2301-7 ต่อ 109,113
E-mail:donate@apsw-thailand.org หรือสามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม
www.apsw-thailand.org
เรื่อง ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน
ผู้เขียน จิตรา
นวลละออง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น