นัดดากับชีวิตที่ถูกกระทำ
Based
on true story by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
เจ้าของเรื่อง:
ผู้หญิงและเด็กที่พักพิงอยู่ในบ้านพักฉุกเฉิน
ผู้เขียน:
ปองธรรม สุทธิสาคร ,Edit:จิตรา นวลละออง
หญิงร่างบางวัย 36 ปี กำลังเดินเก็บเศษขยะไปรอบๆ
สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ อย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย
เปล่าเลย...เธอไม่ได้เป็นคนรักสะอาด
หรือมีน้ำใจไมตรีอยากช่วยเหลืองานของแม่บ้าน หากแต่เป็นเพราะเศษขยะ คือสิ่งที่เธอชอบนำไปเก็บสะสมไว้
คล้ายกับใครหลายๆคน ที่ชอบสะสมภาพของดารานักร้องนักแสดงชื่อดัง เป็นงานอดิเรก
สิ่งที่หญิงสาวทำ
มองอีกมุมหนึ่งก็ชักชวนให้น่าคิด...คนแบบไหนกันที่สะสมเศษขยะเป็นของตัวเอง ใครๆ
ที่นี่เรียกขานเธอว่า “นัดดา”
นัดดา
เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แต่เรื่องฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด
เมื่อเทียบกับการเกิดมาในบ้านที่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวนิยมใช้ความรุนแรง
ภาพของพ่อที่ทำร้ายทุบตีแม่
คือภาพที่นัดดาเห็นจนชินตามาตั้งแต่เด็ก
ยามใดที่ผู้เป็นพ่อเมากลับมาบ้าน เมื่อนั้นแม่ของเธอก็จะกลายเป็นกระสอบทรายคอยรองรับทั้ง
หมัด เท้า เข่า ศอก แถมพ่อยังด่าทอแม่ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ
นานาเหยียบย่ำความเป็นผู้หญิงของแม่จนต่ำตมจมดิน
มิใช่เพียงแต่แม่เท่านั้นที่ถูกพ่อทำร้ายทุบตี
ลูกสาวอย่างเธอเองก็ถูกผู้นำครอบครัวต่อย เตะ อยู่บ่อยๆ หลายครั้งเมื่อเธอทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
เด็กหญิงจะถูกซ้อมเพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ
แทนที่ชีวิตจะได้พบเจอกับความอบอุ่นเหมือนเช่นเด็กทั่วไป นัดดากลับต้องเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความเก็บกดและความหวาดกลัว
เด็กหญิงร่างบางไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับผู้คน และมีกิริยาที่ดูลุกลี้ลุกลน
ไม่มั่นใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา
นัดดา
มีสามีตั้งแต่ยังสาวรุ่น ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน พ่อของลูกแทบจะถอดนิสัยมาจากพ่อแท้ๆของนัดดาทุกกระเบียดนิ้ว
ทั้งติดเหล้า เสพยาบ้า และเมื่อเธอทำอะไรไม่ถูกใจ เขาจะระบายอารมณ์ด้วยการใช้ความรุนแรง
“นัดดา เป็นคนที่โชคร้ายมาก สามีชอบใช้ความรุนแรง กลับบ้านมาไม่มีอะไรเตรียมไว้ให้กินก็ตบเธอ
บางครั้งก็จับเอาหัวเธอโขกกับกำแพง ตลอดเวลาหลายสิบปีที่อยู่ด้วยกัน เธอต้องทนรองรับความรุนแรงแบบนี้แทบทุกวัน
จิตใจจมอยู่แต่กับความหวาดกลัว จนอยู่ในสภาพไม่ปกติ ขณะเดียวกันเธอก็สะสมความรุนแรงเอาไว้ในตัว
หากมีใครก็ตามที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตนมีอำนาจเหนือกว่าก็พร้อมจะระบายความรุนแรงเข้าใส่ทันที
จากผู้ที่ถูกกระทำมาตลอด อีกทางหนึ่งเธอก็กลายเป็นผู้กระทำความรุนแรงเสียเอง”
นักจิตวิทยา
แห่งบ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
ผู้ทำหน้าที่ประเมินคัดกรองสภาพจิตใจของสมาชิกในบ้านพักฉุกเฉิน ได้แสดงทัศนะในกรณีของนัดดาไว้อย่างน่าสนใจ
ไม่ว่าชีวิตของมนุษย์จะพบเจอกับปัญหามากมายเท่าใด
ความรุนแรงไม่เคยเป็นหนทางในการแก้ปัญหาที่ดี ตรงกันข้ามปัญหาเหล่านี้มีแต่จะสะสมเพิ่มพูน
ไม่ต่างอะไรจากระเบิดเวลาที่รอวันนับถอยหลัง ความรุนแรงที่สะสมอยู่ในใจของนัดดาก็เช่นกัน
เมื่อนานวันเข้าเธอก็ส่งต่อความรุนแรงที่ตนเองเคยได้รับไปสู่ผู้เป็นลูก
“เมื่อลูกทำในสิ่งที่เธอไม่พอใจ เธอก็ไปลงกับลูก เนื่องจากลูกเป็นคนเดียวที่เธอรู้สึกว่ามีอำนาจเหนือกว่า
เธอทำลงไปทั้งๆ ที่เธอก็รักลูก”
การถูกทำร้ายที่สั่งสมมานานหลายสิบปี
ส่งผลให้สภาพจิตใจของนัดดาไม่ปกติ และกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวชในที่สุด
“ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวช จะมีลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนคนปกติ
อาจมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็จะแสดงอาการออกมาไม่ว่าจะเป็นแววตา ท่าทาง การพูดจา หรือมีบุคลิกแปลกๆ
อย่างนัดดานี่เห็นครั้งแรกก็พอจะตั้งข้อสงสัยได้เลย เนื่องจากการไม่ดูแลตนเอง เหาเต็มศีรษะ
ผอมแห้งจนหนังติดกระดูก และไม่ใส่ใจรักษาความสะอาด”
นอกเหนือจากประเมินจากลักษณะภายนอกที่ทำให้รู้ว่านัดดามีภาวะที่ต่างจากคนปกติทั่วไป
ยิ่งเมื่อได้ลองนั่งพูดคุยด้วยกันยิ่งย้ำชัดยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่นักจิตวิทยาคาดการณ์ไว้นั้นถูกต้องอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“คุยกับนัดดาครั้งแรกเธอเอาแต่อยู่ในโลกของเธอ เหม่อลอยพูดไปเรื่อยไม่ยอมหยุด
ต้องคอยบอกย้ำให้เธอกลับมาหาปัจจุบันอยู่ตลอด ดีหน่อยที่ยังไม่ถึง ขั้นหูแว่ว
ประสาทหลอน หรือมีอาการหนักถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย แต่ก็ต้องคอยระวังดูแลด้วยการให้ทานยาจิตเวชและไม่ให้มีสิ่งเร้าที่จะมากระตุ้นให้เธอเกิดอาการคลุ้มคลั่ง”
แม้จะพยายามระมัดระวังเป็นอันดี
แต่ด้วยความที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก แถมแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีปัญหาของตัวเอง
ทำให้การกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ในยามที่จิตใจของนัดดาถูกกระทบกระเทือนมากๆ
จนยากจะเยียวยาไหว บ้านพักฉุกเฉินจะส่งตัวเธอไปรักษาที่สถานพยาบาลเฉพาะทางเป็นระยะๆ
กระทั่งอาการดีขึ้นจึงไปรับตัวกลับมา
บ้านพักฉุกเฉิน
ได้พยายามผลักดันให้สาวใหญ่ร่างผอมบางผู้นี้ได้ปรับตัวเพื่อที่จะสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนและใช้ชีวิตอย่างคนปกติในสังคมให้ได้
ด้วยการให้ออกไปทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่บ้านหลังหนึ่ง แน่นอนว่าการส่งเสริมให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตไปทำงานนั้น
ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรกต้องเป็นความร่วมมือระหว่างบ้านพักฉุกเฉินกับบ้านนายจ้างที่มีน้ำใจและให้การยอมรับผู้ด้อยโอกาส
ต่อมาจึงเริ่มทดลองส่ง นัดดาไปทำงาน และเอาใจช่วยกันแทบจะวันต่อวันว่าขอให้การทำงานของนัดดาเป็นไปอย่างราบรื่น
อย่างน้อยก็เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อลูกของเธอ
ช่วง 2-3 เดือนแรก บ้านพักฉุกเฉินไปเยี่ยมไปติดตามผล ปรากฏว่าสุชาดาสามารถทำงานและอยู่ร่วมกับครอบครัวนายจ้างได้ดี
แต่พอเดือนถัดมานัดดาก็เริ่มมีอาการเหม่อลอย
ตาขวางใส่นายจ้างทำให้นายจ้างและครอบครัวเกิดความกลัว และ ต้องพานัดดามาส่งคืนที่บ้านพักฉุกเฉิน เนื่องจากนัดดามีอาการตัวแข็ง
ตาขวาง ทำให้นายจ้างและคนในครอบครัวรู้สึกหวาดกลัว
ที่สุดแล้ว
แม้นัดดาจะไม่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง แต่เธอก็อยู่ที่บ้านพักฉุกเฉินจนครบกระบวนการในการดูแล
ฟื้นฟู และบำบัดเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่ทางสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ ต้องส่งต่อไปให้บ้านหลังใหม่เพื่อช่วยดูแลฟื้นฟูอาการทางจิตของเธอต่อไป
ในมุมมองของนักจิตวิทยาของบ้านพักฉุกเฉินมองว่า
ผู้ป่วยทางจิตใจเช่น นัดดา นั้นน่าเห็นใจกว่าคนที่เป็นโรคร้ายทางร่างกายด้วยซ้ำไป
“เรารู้สึกว่าผู้ป่วยจิตเวชเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจ
เพราะอาการทางกายยังมียารักษาได้ แต่อาการทางใจที่ถูกกระทำย่ำยีจนแทบจะสูญเสียความเป็นมนุษย์คงไม่มียาชนิดไหนจะรักษาให้หายขาดได้เลย
ต่อให้เป็นโรคร้ายอย่างเอชไอวี แต่ผู้ป่วยก็ยังสามารถรักตัวเองเป็น รักคนอื่นได้
กินอาหารที่อร่อย ทำอะไรที่เป็นความสุขของชีวิตได้อีกหลายอย่าง แต่สำหรับผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหมดคุณค่าในตนเองจนกระทั่งกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตเวชความสุขของพวกเขาได้ถูกทำลายให้หมดไปตั้งนานแล้ว”
ตลอดชีวิต
36 ปีของนัดดานั้นเธอตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมาตลอด จนถึงวันนี้ นัดดา
ได้ไปใช้ชีวิตในบ้านสงเคราะห์ของภาครัฐ
ซึ่งก็คงต้องให้การดูแล ฟื้นฟูบำบัด สภาพจิตใจของเธอกันต่อไป
แม้จะไม่รู้ว่าจะมีวันใดที่นัดดาจะสามารถกลับมาเป็นปกติ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือผู้ป่วยจิตเวชอย่างเธอล้วนแล้วแต่น่าเห็นใจเสมอ
………………………………………………………………………………………………………………..
หากผู้หญิงและเด็ก
ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี
สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่
สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1
ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม.
ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน โทร. 0 2929 2301-7 ต่อ 109,113
E-mail:
admin@apsw-thailand.org เว็บไซต์สมาคม www.apsw-thailand.org
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น