อุ่นจิตผู้หลงทาง
Based on true story
by บ้านพักฉุกเฉิน สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ
“อุ่นจิต” เด็กสาววัยใสผิวคล้ำ รูปร่างสมวัย อุ่นจิตเป็นเด็กร่าเริงช่างพูดช่างคุย
และต้องการเล่าเรื่อง หรือวีรกรรมหลายอย่างของตนเองให้กับคนอื่นๆฟัง แต่ด้วยวัยเพียง 15 ปี ทำให้อุ่นจิตยังเป็นเด็กที่ไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต
เธอมีลักษณะของเด็กที่ยังแสวงหาการยอมรับและต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่และคนรอบข้าง เด็กวัยนี้เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นอยากลอง
ค้นหาความภาคภูมิใจจากความเก่งกล้าท้าทายในหมู่ผองเพื่อนวัยเดียวกัน
ซึ่งหากหลงทางไปในทางที่ผิดก็มีความอันตรายต่อเด็กวัยนี้เป็นอย่างยิ่ง
อุ่นจิตโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่แยกกันอยู่ เธอบอกว่า “ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่แยกทางกันหรือเปล่าเพราะเขาไม่เคยบอกว่าเขาเลิกหรือเขาไม่ได้เลิกกัน”
อุ่นจิตมีพี่น้องทั้งหมดถึง 10 คน และอุ่นจิตเป็นลูกคนที่ 7 พ่อเป็นผู้ที่เลี้ยงดูอุ่นจิตมาตั้งแต่วัยเด็ก
ส่วนแม่นั้นเจอกันนับครั้งได้ เพราะแม่แยกไปมีชีวิตของตนเองที่ต่างจังหวัด สำหรับคนในครอบครัวอุ่นจิตไม่ผูกพันกับใครเป็นพิเศษนอกจากพ่อ
ซึ่งพ่อจะเลี้ยงดูอุ่นจิตมาแบบตามใจ และอุ่นจิตก็ไม่สนิทกับพี่น้องคนไหนเลย
พ่อของอุ่นจิตอยู่บ้านทำงานบ้านและดูแลลูก ส่วนคนที่ทำมาหาเลี้ยงครอบครัวและมีอำนาจมากที่สุดในบ้านคือพี่ชายคนที่
3 แต่น่าจะด้วยความเข้มงวดของพี่ชายและพฤติกรรมเกเรของอุ่นจิตทั้ง วัยที่ห่างกันมาก
ทำให้หลายครั้งต่างก็ไม่เข้าใจกัน เมื่อถามถึงสาเหตุที่นำพาให้อุ่นจิตได้มาอยู่ในความดูแลช่วยเหลือของบ้านพักฉุกเฉิน
อุ่นจิตก็สามารถให้คำตอบได้อย่างมั่นใจและแฝงไปด้วยความภูมิใจด้วยว่า
“เพราะหนูไม่ตั้งใจเรียนเองแหล่ะ หนูโดดเรียนบ่อยอาทิตย์ละ
2-3 ครั้งเลย ล่าสุดหนูก็โดดเรียนและหายออกจากบ้านไป
3 วันไปอยู่บ้านเพื่อน แล้วพอมาโรงเรียนก็มาทะเลาะกับครู
ครูเขาก็บ่นเรื่องโดดเรียน หนูก็เบื่อก็เลยบอกครูว่า หนูจะไปเรียนแล้วนะ
ครูก็เลยโมโห ถูกครูตีไปหนึ่งที คือเขาชอบโทรฟ้องเรื่องของพวกหนูกับผู้ปกครอง
กลุ่มหนูมักจะมีปัญหากับครูคนนี้ เพราะว่ากลุ่มหนูผู้ชายก็จะดื้อมาก
ส่วนผู้หญิงก็จะแสบมาก”
เราลองให้อุ่นจิตเล่าถึงพฤติกรรมของตนเองและเพื่อนๆในกลุ่ม
จนทำให้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณครู และพี่ชาย เธอก็เล่าว่า “พวกผู้ชายก็ชอบสูบบุหรี่
และพวกเราก็ชอบโดดเรียน หนูไม่ได้หนีออกจากบ้าน หนูก็แค่โดดเรียนไม่กลับบ้าน 3 วัน
แต่ไม่ได้บอกใครที่บ้านเท่านั้นเอง แต่หนูก็ไม่เคยสูบบุหรี่
แค่เคยทดลองกินเป๊ปซี่ผสมยาแก้ไอ แค่อยากลอง”
เมื่อถามถึงการคบหากับเพื่อนต่างเพศ
เธอเล่าว่า “ก็มีแฟนที่คุยกันทางเฟสบุ๊ค
แต่ก็ไม่ได้อะไรถ้าเขานัดเจอก็คงไม่ไปถ้าไปก็คงเอาเพื่อนไปด้วยทั้งกลุ่ม
หนูไม่เคยมีอะไรกับใคร ที่หายไป 3 วันหนูก็ไปอยู่บ้านเพื่อนที่เป็นผู้หญิง”
แต่พฤติกรรมที่อุ่นจิตเล่ามาว่า
เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แค่เรื่องอยากลอง แค่เรื่องที่ทำตามๆกันในกลุ่มเพื่อน
สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปกครอง ที่ทั้งรักทั้งห่วงอยากให้เธอได้ดีและตั้งใจเรียน
และคอยเข้มงวดเคี่ยวเข็ญเธอมาตลอด ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆอย่างที่อุ่นจิตคิด
เพราะเมื่อพี่ชายทราบเรื่องทั้งหมดหลังจากที่น้องสาวตัวดีหายไปจากบ้านและโดดเรียนเป็นเวลา
3 วัน โดยไม่บอกกล่าว โทรศัพท์ไปเป็นร้อยๆ สาย อุ่นจิตก็ไม่รับ
พี่ชายจึงติดต่อแม่ของอุ่นจิตและบอกกับแม่ว่า “ไม่ไหวแล้วจะเอาไปไหนกันก็ไป
โดดเรียนหลายรอบแล้วนะ พูดก็ไม่ฟัง ไม่ไหวแล้วไม่เลี้ยงแล้วนะ
จะเอาไปไหนก็เอาไปเลย” นั่นคือคำขาดจากปากพี่ชายที่รับภาระดูแลครอบครัวและอุ่นจิตมาโดยตลอด
เมื่อไม่รู้จะไปไหนอุ่นจิตจึงโทรติดต่อเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิแห่งหนึ่ง
เพื่อให้ช่วยเหลือหาที่พักอาศัยและที่เรียนให้กับเธอ ซึ่ง
เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิแห่งนั้นกับแม่ของอุ่นจิตจึงได้ส่งอุ่นจิตมาที่บ้านพักฉุกเฉิน
เมื่อถามอุ่นจิตว่า
มาอยู่บ้านพักฉุกเฉินแล้วอุ่นจิตรู้สึกอย่างไรบ้าง
คำตอบของเธอก็ไม่ได้ทำให้เกิดความประหลาดใจเท่าใดนักสำหรับเด็กวัยนี้
เมื่อเธอตอบว่า
“ตอนแรกอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉินก็ดีมีเพื่อน
แต่พออยู่มาได้สักพัก หนูเริ่มเบื่อแล้วหนูอยากกลับบ้าน
คือที่มาบ้านพักฉุกเฉินหนูอยากย้ายจากโรงเรียนเดิม ไม่อยากเรียนที่นั่นแล้ว
พอมาที่นี่หนูก็เบื่อไม่อยากเรียนที่นี่แล้วหนูว่าไม่เห็นว่าจะน่าเรียนเลย
อยากไปเรียนที่อื่น เรียนกศน.ก็ได้ แต่ว่าไม่อยู่ที่นี่ ที่เดิมก็ไม่เอา”
ฟังคำตอบที่ตรงไปตรงมา
ของอุ่นจิต ก็เข้าใจว่าวัยรุ่นมักค่อนข้างจะตื่นเต้นกับสถานที่หรือสิ่งใหม่ๆอยู่เพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น
เมื่อทิ้งเวลาสักระยะความแปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจก็จะกลายเป็นความจำเจ
และน่าเบื่อหน่าย และด้วยพื้นฐานที่อุ่นจิตค่อนข้างจะทำอะไรตามใจตนเองเป็นหลัก เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ และผู้ปกครองของอุ่นจิต
คงต้องคอยประคับประคองให้อุ่นจิต ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
เพราะอุ่นจิตยังเยาว์นัก ความคิดและการตัดสินใจของเด็กวัยเพียง 15 ปี
นั้นยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะดูแลหรือดำเนินชีวิตด้วยตนเอง ซึ่งเราก็หวังว่า อุ่นจิตจะมีจุดมุ่งหมายในชีวิต
และสามารถเข้าใจในความหวังดีของผู้ใหญ่
จนเป็นแรงผลักดันให้เธอกลับมาเดินในหนทางที่นำพาชีวิตของตนไปในทางที่ดีได้ในสักวันหนึ่ง
.......................................................................................................................................
หากผู้หญิงและเด็ก ท่านใดประสบปัญหาในชีวิต เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ท้องไม่พร้อม ถูกข่มขืน หรือติดเชื้อ เอช ไอ วี สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ บ้านพักฉุกเฉิน 501/1 ซ.เดชะตุงคะ 1 ถ.เดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0 2929 2222 ตลอด 24 ชม. อีเมลล์: knitnaree@hotmail.com และ ในกรณีที่ท่านต้องการให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กในบ้านพักฉุกเฉินสามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และหาทุน
โทร. 0 2929 2301-3 ต่อ 109,113 หรือ 0 2 929 2308 อีเมลล์: admin@apsw-thailand.org
Facebook: สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง www.facebook.com/apswthailand.org หรือ สามารถดูข้อมูลรายละเอียดผ่านทางเว็บไซด์สมาคม www.apsw-thailand.org
เรื่อง โดย ผู้หญิงในบ้านพักฉุกเฉิน
ผู้เขียน:จิตรา นวลละออง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น